Social Icons

facebookgoogle pluslinkedinrss feedemail

รีวิวน้ำหอม Chloe – LOVE STORY



Chloe – LOVE STORY
Perfumer : Anne Flipo
-
Fragrance Notes
Top Notes : Neroli, Cape Gooseberry
Heart Notes : Orange blossom Absolute, Stephanotis
Base Notes : Petitgrain, Cedarwood
-
-
-
“LOVE STORY” น้ำหอมกลิ่นใหม่ล่าสุดจาก Chloe ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวความโรแมนติกของสะพานไม้ใจกลางกรุงปารีสที่มีชื่อเรียกขานกันว่า “Pont Des Arts” ซึ่งในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวหนุ่มสาวจากทั่วทุกมุมโลกแวะเวียนกันมาที่สะพานไม้แห่งนี้เพื่อนำกุญแจ Love Locks มาคล้องกันที่บริเวณริมขอบสะพาน เป็นสัญญารักระหว่างคู่หนุ่มสาวว่าเขาและเธอจะรักกันตลอดไป ไม่มีสิ่งใดมาพรากพวกเขาไปจากกันได้ Chloe ได้นำกุญแจ Love Locks นี้มาเป็นแรงบันดาลใจในการรังสรรค์น้ำหอม LOVE STORY ผ่านแพกเกจจิ้งรูปแม่กุญแจ โดยผสมผสานรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ของน้ำหอมอันโด่งดังทั้ง 3 รุ่นของ Chloe เข้าด้วยกัน ประกอบด้วย Chloe EAU DE PARFUM, LOVE Chloe และ See by Chloe
-
LOVE STORY มีกลิ่นที่เรียบง่าย สบายๆ แม้จะดูขัดกับธีมที่สุดแสนจะโรแมนติกไปบ้าง แต่ความเรียบง่ายนี่แหละที่เรามองว่าเป็นจุดสำคัญที่มัดใจสาวๆเมืองร้อนได้อย่างไม่ยากเย็น เนื่องด้วยเนื้อกลิ่นโทน Floral ที่สดชื่น ใสสะอาดราวกับหยาดน้ำค้างบริสุทธิ์ในยามเช้า ได้ดมทีไรก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกดีๆ เหมือนวันที่โลกมีแต่ความสดใส และรอยยิ้มที่จริงใจเป็นธรรมชาติ ด้วยเหตุฉะนี้ เราจึงมองว่า LOVE STORY เป็นน้ำหอมเพียงกลิ่นเดียวของแบรนด์ที่สามารถตอบโจทย์คำว่า Safe Scent ได้ดีที่สุด โดยที่รุ่นอื่นไม่อาจเทียบเทียมได้
-
ส่วนผสมหลักๆจะประกอบไปด้วยดอกไม้สีขาวซะส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Neroli, Orange Blossom และ Stephanotis (ดอกมะลิจากมาดากัสการ์) ดอกไม้สีขาวนานาชนิดเหล่านี้ถูกผสมผสานเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว เกิดกลิ่น Floral ที่สะอาด สดชื่น และเปี่ยมไปด้วยความเฟมินีนแบบทันสมัย ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับหญิงสาวสมัยใหม่ในลุคเรียบร้อย อ่อนโยน ยิ่งหากสวมชุดสีขาวสะอาดตา แต่งหน้าอ่อนๆพองามยิ่งดูเข้ากันเป็นพิเศษ เพราะโดยส่วนตัวมองว่าน้ำหอมกลิ่นนี้มีเสน่ห์อยู่ที่ความเรียบง่าย ดูธรรมดา ไม่หวือหวาแต่โดดเด่นที่ความบริสุทธิ์ อันหาไม่ได้ในน้ำหอม Chloe รุ่นอื่นๆ
-
ในช่วงต้นพบกับดอก Neroli ที่ให้กลิ่นอายผสมผสานระหว่างโทน Citrus และ White Floral อย่างละครึ่ง มอบความสดชื่นแบบสะอาด ขาวใส ประหนึ่งน้ำในลำธารที่ใสและเย็น แต่แนะนำว่าไม่ควรดมที่ผิวจังๆ ควรดมในระยะห่างออกมาหน่อยหรือจับกลิ่นจาก Sillage ที่กระจายออกมาจะดีกว่า เพราะกลิ่นเปรี้ยวนั่นค่อนข้างแหลมคม หากดมติดผิวเลยล่ะก็ แสบจมูกแน่นอน
-
ช่วงกลางยังคงดำเนินด้วยโทน White Floral เช่นเดิม Neroli ยังคงมอบความสดชื่นในแบบดอกไม้สีขาว โดยเสริมความเต็มแน่นด้วย Orange Blossom และ Stephanotis ซึ่งเจ้าดอกไม้ชื่อประหลาดนี้มันคือดอกมะลิของมาดากัสการ์เขา (ส่วนตัวก็ไม่เคยได้กลิ่นหรอกนะ เอาจริงๆ) มอบความ Bright และ Sparkling แบบเข้าถึงง่ายมากๆ ชวนนึกถึงน้ำหอมสามัญประจำบ้านอ ย่าง Clinique happy และ Tory Burch EDP และหากคุณต้องการ Pure Poison ในเวอร์ชั่นที่ Pure จริงๆ ไม่มี Poison ผสม ลองดู Chloe Love Story กลิ่นนี้ดูได้
-
ช่วงเบสโน้ตออกทาง White Floral จืดๆ ผสม Musky ใสๆ โดยโน้ตที่ปรากฏในช่วงนี้คือ Musk กับ Petit grains (โน้ตที่สกัดจากมาจากกิ่งและใบของต้นส้ม ซึ่งจะมีกลิ่นเขียวปนเปรี้ยวซิตรัสแรงๆ) ในจุดนี้ Petit Grain ทำหน้าที่เสริมความเปรี้ยวและสดชื่นเชิงส้มในห้วงสุดท้าย สานต่อจาก Neroli และ Orange Blossom นั่นเอง
-
LOVE STORY มีดีทางด้านความสะอาด อ่อนโยน ไม่ได้เอาดีเด่นทางด้านหรูหราหรือเย้ายวน ซึ่งก็น่าเสียดายที่ความใสสะอาดของมันไม่ได้เข้ากับธีมกุญแจ Love Locks สุดโรแมนติกเลย (เห็นคอนเซปในตอนแรกแล้วแอบคิดว่านี่จะต้องมาฟีลกลิ่นโรแมนติกจ๋าซะอีก) เอาจริงๆแล้วมันสดชื่นมากๆ แถมยังใช้ง่ายมากๆอีกด้วย จะใส่ในยามอากาศร้อนก็เหมาะ ความทน ติดทนปานกลางสำหรับเบสความเข้มข้น Eau de Parfum ส่วนการกระจายพอได้บ้าง นิดๆหน่อยๆ สาวๆคนไหนชอบน้ำหอมกลิ่นสะอาดและเฟมินีน แนะนำให้ลองจ้ะ
-
-
-
อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ http://www.fragrantica.com/perfume/Chloe/Love-Story-26227.html


ไม่มีความคิดเห็น:

B&C Perfumes Academy