Social Icons

facebookgoogle pluslinkedinrss feedemail

Dessert Treat - เสน่ห์ความหอม ที่น่ารับประทาน!!

ขอขอบพระคุณเครดิตจาก Sangkae'sBlog

น้ำหอมประเภทหนึ่งที่ป๊อบปูล่าร์สุดๆ ในยุคนี้ ก็คือกลุ่มกลิ่นที่เรียกว่า gourmand ซึ่งพอไล่สายตาดูในลิสต์รายละเอียดส่วนผสม ตั้งแต่ top note จนถึง base note ก็อาจทำให้คิดว่ากำลังอ่านเมนูขนมหวานรสชาติยั่วลิ้นหรือผลไม้สดฉ่ำนานาชนิด ที่ชวนให้น้ำลายสออยู่ในภัตตาคารชั้นดีที่ไหนสักแห่ง จนรู้สึกทึ่งว่านักผสมน้ำหอมสมัยนี้ช่างรู้จักสรรเอากลิ่นเย้ายวนของอาหาร การกินน่าอร่อยต่างๆ มาใส่ไว้ในขวดได้อย่างน่าสนใจ
น้ำหอม Miss Dior Cherie
น้ำหอมกลุ่มนี้เป็นที่รู้กันว่ามุ่งเจาะตลาดสาววัยทีนจนถึงวัยทำงานอายุ ราวๆ ต้นสามสิบ ส่วนที่อายุเกินขีดแต่เป็นประเภท young-at-heart จะเลือกประพรมน้ำหอมพวกนี้ก็ไม่มีใครว่า น้ำหอมทุกแบรนด์ดังต่างก็ทำกลิ่นแนวนี้ออกมาเอาใจสาวยุค 2000 จนกลิ่นแบบ gourmand นี้แทบจะท่วมตลาด ลองมาดูกลิ่นจากแบรนด์ประเภท mass market หรือที่หาได้ตามห้างชั้นนำทั่วไป ซึ่งมีให้เลือกจนละลานตา
ที่เด่นดังประสบความสำเร็จด้านยอด ขายสูงๆ ก็เช่น Miss Dior Chérie ซึ่งมีส่วนผสมของกลิ่นสตรอเบอร์รี่และ caramel popcorn ที่ฟังดูน่ากินสุดๆ แต่ผู้เขียนลองแล้วรู้สึกว่ากลิ่นออกสดชื่นแบบ fruity-floral มากกว่าจะหวานน่ากินแบบขนม เพราะแทบไม่ได้กลิ่น caramel popcorn อย่างที่โฆษณาไว้  ส่วน Nina ของ Nina Ricci นั้นไม่ผิดหวัง ให้กลิ่นสดใสของแอปเปิ้ลและ praline (ถั่วเคลือบคาราเมล) ที่หวานมันเข้มข้น จึงหอมแบบขนมจริงๆ แถมติดทนนานมากอีกด้วย อีกกลิ่นคือ L จาก Lolita Lempicka เป็นกลิ่นส้มผสานดอก immortelle และวานิลลา เจือกลิ่นเครื่องเทศหอมอบอุ่นอย่างอบเชย กลิ่นนี้ไม่มีช็อกโกแลตอยู่ในรายชื่อส่วนผสม แต่ผู้เขียนกลับได้กลิ่นช็อคโกแล็ตที่หอมน่ากินที่สุดกลิ่นหนึ่งในบรรดาน้ำ หอมประเภทเดียวกันทั้งหมด เพราะกลิ่นเข้มชวนน้ำลายสอของช็อคโกแล็ตถูกเสริมด้วยความหวานของวานิลลาและ ตัดกับกลิ่นซาบซ่านของผลส้ม
Flowerbomb ของ Victor & Rolf มีส่วนผสมของดอกไม้หอมเย้ายวนหลายชนิด และแม้จะไม่มีวานิลลาอยู่ในรายชื่อส่วนผสม แต่น้ำหอมขวดนี้ก็มีกลิ่นหวานหยดจนทำให้นึกถึงช็อกโกแลตขาวเนื้อเนีียนและ รู้สึกเหมือนถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มเมฆขนมสายไหมสีพาสเทลบางเบา Princess ของ Vera Wang เป็นกลิ่นสดใสของผลไม้อย่างส้มแมนดาริน แอพริค็อต แอปเปิ้ล ผลฝรั่ง และดอกไม้หวานอย่างพุดตาฮิติและซ่อนกลิ่น น้ำหอมเปิดมาด้วยความสดชื่นอ่อนหวานของผลไม้และดอกไม้ ก่อนจะค่อยๆ เผยหัวใจของน้ำหอมที่ทำให้นึกถึงช็อกโกแลตนมแสนอร่อย Princess นี้เป็นกลิ่นแนว gourmand ที่บางเบากว่า Nina ของ Nina Ricci จึงเหมาะสำหรับสาววัยทีนที่ชอบอะไรหวานใสไร้เดียงสาสไตล์เจ้าหญิงตัวน้อย
น้ำ หอม L by Lolita Lempicka ให้กลิ่นหอมจาก bitter orange และวานิลลาแบบในช็อคโกแลตชั้นดี ซึ่งทำให้นึกถึง orange chocolate mousse ที่หอมน่ากิน ดูสูตรได้ที่ http://www.my-easy-cooking.com/2010/11/easy-orange-chocolate-mousse.html
DKNY Be Delicious เป็นกลิ่นสดใสของเกรปฟรุ้ต แตงกวา และผลแอปเปิ้ล ซึ่งเมื่อปีที่แล้วก็มีการออก collector editions มาเอาใจนักสะสม ซึ่งก็ประกอบด้วย 3 กลิ่น คือ DKNY Delicious Ripe Raspberry Candy Apple เป็นกลิ่นแอปเปิ้ล มะนาว และโคล่า DKNY Delicious Sweet Caramel Candy Apple ประกอบด้วยกลิ่นแอปเปิ้ล ลูกแพร์ มาร์ชเมลโลว์ คาราเมล และวานิลลา สุดท้ายคือ DKNY Delicious Juicy Berry Candy Apple มีกลิ่นผลเคอร์แรนต์ ลิ้นจี่ แพร์ แบล็คเบอร์รี่ ซึ่งก็น่าจะถูกใจบรรดาสาวก gourmand ที่หมกมุ่นอยู่กับกลิ่นขนมและผลไม้หวานฉ่ำ
แอปเปิ้ลเคลือบคาราเมล (ขวา) จาก http://www.kraftrecipes.com/recipes/caramel-dipped-apples-55497.aspx ทำให้นึกถึงน้ำหอม DKNY Delicious Sweet Caramel Candy Apple
ส่วนแบรนด์ประเภท niche หรือ exclusive ที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนรวมทั้งเหล่าสาวกผู้คลั่งไคล้น้ำหอมจริงๆ จังๆ ก็ยิ่งมีตัวเลือกมากขึ้นไปอีก ที่เด่นๆ หรือน่าสนใจก็เช่น Rahät Loukhoum ของ Serge Lutens ซึ่งมีส่วนผสมของกลิ่นเมล็ดอัลมอนด์ เชอร์รี่ น้ำผึ้ง tonka bean และวานิลลา ก็เป็นความพยายามจับเอาความหวานยั่วลิ้นของขนม Turkish Delight ที่ชาวอาหรับเรียกว่า Lokum มาใส่ไว้ในขวดนั่นเอง
ขนม Turkish delight จาก http://www.uysalsekerleme.com
น้ำหอม Coney Island ของ Bond no.9 ตั้งชื่อตามชายหาดทางใต้สุดของ Brooklyn ใน New York City ซึ่งมีท้องทะเลสีฟ้าสดใส Coney Island แห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องสวนสนุกที่สวยงามตระการตา น้ำหอมขวดนี้ทำให้นึกถึงงานคาร์นิวาลที่มีกลิ่นสดใสซาบซ่านของมาร์การิต้า มิกซ์ ลูกเมลอน และฝรั่ง ตัดกับกลิ่นชวนน้ำลายสอของช็อคโกแลต คาราเมล อบเชยและวานิลลา
น้ำหอม Coney Island ของ Bond No.9 ทำให้นึกถึงความหอมซาบซ่านของมาการิต้าผสมน้ำฝรั่ง (ซ้าย) ดูสูตรได้ที่ http://www.marthastewart.com/342425/guava-margaritas
Comme des Garcons แบรนด์แฟชั่นสไตล์ avant-garde จากฝรั่งเศส ก็ออกน้ำหอม Series 7 : Sweet ซึ่งว่าด้วยเรื่องของกินล้วนๆ มี 5 กลิ่นด้วยกัน คือ Burnt Sugar ประกอบด้วยกลิ่นอบเชย spice cake นม น้ำผึ้ง และวานิลลา กลิ่นที่ 2 คือ Sticky Cake เป็นกลิ่นอัลมอนด์ น้ำผึ้ง ผลอินทผลัม ถั่วพิสตาชิโอ นม น้ำตาลแดง และซีเรียล กลิ่นที่ 3 คือ Spicy Cocoa เป็นกลิ่นเบอร์กาม็อต เกรปฟรุ้ต  ช็อคโกแลต กระวาน ผักชีล้อม ผักชีไทย พริกไทยดำ พริก และโกโก้ ฟังดูร้อนแรงซาบซ่านดี อีกกลิ่นคือ Nomad Tea ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากชาใบมินต์แบบโมร็อคโค ประกอบด้วยกลิ่นชาเขียวจากพม่า ใบมินต์ น้ำตาลทรายขาว และกลิ่นไม้กรุ่นควันแบบ smoky สุดท้ายคือ Wood Coffee มีส่วนผสมของกระวาน ชะเอม ขิง อัลมอนด์ กาแฟ และวานิลลา ซึ่งคงจะถูกใจคอกาแฟมากเลยทีเดียว
น้ำหอม Comme des Garçon Series 7 : Sweet
และแน่นอนว่าความฮ็อตฮิตของเหล่า celebrity ที่ขยันออกน้ำหอมในชื่อตัวเองออกมาล่อใจบรรดาวัยรุ่นและแฟนคลับ ก็โหนกระแส gourmand นี้ด้วยเหมือนกัน จนเรียกได้ว่าน้ำหอมของ celeb สาวๆ แทบทุกคนล้วนมีกลิ่นแนวนี้ให้เลือกกันทั้งนั้น Fantasy ของ Britney Spears มีส่วนผสมของกลิ่นลิ้นจี่ ควินซ์ กีวี กลิ่นหวานของมะลิและ white chocolate orchid รวมทั้งกลิ่นหอมน่ากินของ cup cake หลายคนวิจารณ์ว่ากลิ่นโดยรวมนั้นหวานคล้ายๆ ขนมสายไหม หรือ cotton candy ส่วน In Control Curious ของสาวบริทเช่นกัน ก็เป็นกลิ่นผล loquat (ผลไม้ชนิดหนึ่ง มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า Japanese หรือ Chinese plum รสหวานอมเปรี้ยว) ผสานกลิ่นขนมหวานอย่าง crème brulée รวมทั้งวานิลลา น้ำตาล และ tonka bean
ขนมหวาน crème brulée กับผลเบอร์รี่และกีวี ดูสูตรได้ที่ http://www.eatfoo.com/archives/2006/07/recipe_creme_brulee_1.php
ส่วนสาวผมบลอนด์สุดฮ็อตอีกคนอย่าง Jessica Simpson ก็มีน้ำหอม Fancy ในขวดน่ารักสีชมพูหวาน ตัวกลิ่นเป็นส่วนผสมของลูกแพร์ แอพปริค็อต ผลไม้สีแดงหลายชนิด ดอกไม้กลิ่นหวานอย่างมะลิและพุดซ้อน เมล็ดอัลมอนด์คั่ว คาราเมล และ vanilla crème ให้กลิ่นหวานเหมือนผลไม้ชุ่มฉ่ำเคลือบน้ำตาลไหม้ ขณะที่น้ำหอมในไลน์ Harajuku Lovers ของสาวเปรี้ยว Gwen Stefani ในชื่อกลิ่น G เป็นกลิ่นส้มแมนดาริน เปลือกแอปเปิ้ล ดอกไม้กลิ่นเย้ายวนอย่างมะลิและแม็กโนเลีย รวมทั้งกลิ่นหวานมันของ coconut cream
ปรากฏการณ์ gourmand ในโลกน้ำหอมนี้ ยิ่งเมื่อถูกนำไปโยงกับกระแส celebrity ก็ทำให้มักจะถูกมองในเชิงลบจากบรรดา perfumista และนักวิจารณ์น้ำหอมระดับซีเรียสว่า เป็นน้ำหอมที่ไร้ซึ่งศิลปะชั้นสูงในการสร้างสรรค์กลิ่น เพราะเป็นของที่ผลิตขึ้นเพื่อมุ่งเอาใจตลาดแฟนคลับวัยรุ่นของดารา นักร้องเหล่านี้ จึงเป็นแฟชั่นที่อยู่ได้แค่ประเดี๋ยวประด๋าวแล้วก็คงจากไป ไม่อาจเทียบชั้นได้กับน้ำหอมรุ่นอมตะนิรันดร์กาล ที่สาวสวยสุดคลาสสิคคงจะประพรมคู่กับชุดค็อกเทล little black dress และสร้อยไข่มุกหรูเรียบของเธอ
ผู้เขียนเคยเข้าไปอ่านความคิดเห็นของบรรดาแฟนน้ำหอมในบล็อกดังแห่งหนึ่ง ซึ่งถล่มวิจารณ์น้ำหอม Fancy ของ Jessica Simpson ไว้อย่างเละเทะว่าเป็นอีกตัวอย่างของ bad test ที่ทำให้วัยรุ่นสมัยนี้มีจมูกซึ่งไร้การฝึกฝนให้รู้จัก appreciate น้ำหอม ‘ของจริง’ ซึ่งปรุงแต่งขึ้นด้วยเทคนิคและศิลปะชั้นสูง คนกลุ่มนี้ (ซึ่งผู้เขียนเดาว่าอายุคง 40 ขึ้นไป) ตั้งข้อสงสัยออกมาดังๆ ว่า เหตุใดวัยรุ่นสมัยนี้จึงหมกมุ่นอยู่กับกลิ่นของกิน ซึ่งส่วนมากจะเป็นแบบ sticky sweet คือหวานจนเอียน แทนที่จะนิยมของดีอย่าง Mitzouko, Vol de Nuit, Cuir de Russie, Bellodgia หรือ Narcisse Noir จะทำอย่างไรถ้าสาวน้อยพวกนี้โตขึ้นจนถึงวัยกลางคนและน้ำหอมกลิ่นขนมกลายมา เป็นกลิ่นคลาสสิคต่อไปในอนาคต!…คนเหล่านี้พูดกันอย่างสะพรึงกลัว
น้ำหอม Fancy ของ Jessica Simpson
ผู้เขียนเห็นปฏิกิริยาของคนกลุ่มนี้แล้วคิดในใจว่า คงเป็นสัจธรรมไปแล้วที่คนในแต่ละช่วงวัยมักจะยึดติดอยู่กับอารยธรรมในยุคที่ ตนเติบโตมาว่าเป็นของดีและมักจะดีกว่าของคนรุ่นหลังซึ่งไม่ได้เป็นอะไรมากไป กว่า ‘ขยะ’  ดังเช่นที่บางคนไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าเหตุใดคนรุ่นใหม่จึงคลั่งไคล้ Lady Gaga
ผู้เขียนว่าถ้ามองกลับกัน สาวน้อยวัยทีนถึง 20 กว่าๆ เอง ก็คงบอกว่า น้ำหอมกลิ่นเครื่องเทศแบบ oriental อันรุ่มรวย กลิ่นไม้และหนังที่ทั้งเรียบละมุนปนลึกลับซับซ้อนแบบ chypre หรือกลิ่นดอกไม้แบบ aldehydic-powdery ที่ให้อารมณ์วินเทจราวกับลูกไม้เนื้อละเอียดบนอาภรณ์ระดับ Haute Couture ก็เป็นของที่ ‘เข้าใจยาก’ สำหรับพวกเธอเหมือนกัน เช่นเดียวกับผู้เขียนที่แทบไม่เคยมีความสามารถจะเข้าถึงกลิ่นคลาสสิคพวกนี้ ได้เอาเสียเลย เพราะเทสต์ในการรับกลิ่นของผู้เขียนนั้นค่อนไปทาง sticky sweet เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้กลิ่นหวานอย่างพวก tropical flowers ทั้งหลาย หรือกลิ่นหอมยั่วลิ้นของวานิลลา ช็อคโกแลต ครีม นม เนย น้ำตาล อ้อย น้ำผึ้ง กลิ่นผลไม้เข้มข้นอย่างมะเดื่อฝรั่ง (fig) อินทผลัม มะพร้าว กล้วยหอม สับปะรด และมะม่วงสุก กลิ่นอบอุ่นของข้าวหอม ใบเตย ฟักทอง หรือข้าวโพด ที่ทำให้นึกถึงวันชื่นคืนสุขในวัยเยาว์
กลิ่น หอมชวนน้ำลายสอที่ทำให้นึกถึงความทรงจำวัยเด็ก “Mango Delight” มีส่วนผสมของ panna cotta (ขนมหวานแบบอิตาเลียนลักษณะคล้ายคัสตาร์ด) เนื้อมะม่วง และมูสมะม่วง จาก “Five-Star Pastry by Tony Wong” ดูสูตรได้ที่ http://www.dessert.net.au/mango-delight/
ผู้อ่านชาวไทยฟังแล้วอย่านึกว่าไม่มีกลิ่นเหล่านี้ในตลาดน้ำหอมเชียวนะ! เพราะน้ำหอมประเภท niche/exclusive มากมายในสมัยนี้ก็ทำกลิ่นพวกนี้ออกมาให้ได้ลองกันแล้ว อย่างที่ผู้เขียนยกตัวอย่างมาไว้ให้ดูข้างต้น เพียงแต่ยังไม่ใช่ single note หรือเป็นกลิ่นชนิดใดชนิดหนึ่งแบบเพียวๆ แต่มักผสมผสานกันหลายๆ กลิ่นภายในขวดเดียว กระนั้นก็มีแบรนด์หนึ่งเดียวที่กล้าทำกลิ่นโดดๆ ออกมาให้ได้ลองเลือกดมกันแล้ว ภายใต้ชื่อ Demeter Fragrance Library ซึ่งก็สมกับเป็นห้องสมุดหรือคลังแห่งกลิ่นเลยทีเดียว เพราะมีกลิ่นให้เลือกแทบทุกประเภท ตั้งแต่ดอกไม้นานาชนิด ของกินแสนอร่อย ไปจนถึงกลิ่นแปลกประหลาดอย่าง “Dirt” (ดิน) “Play Doh” (ดินน้ำมัน) “Thunderstorm” (พายุฝน) “Crayon” (ดินสอสี) “Sushi” (ซูชิ) “Bonfire” (กองไฟ) หรือ “Swimming Pool” (สระว่ายน้ำ)!
คุณผู้อ่านลองดูลิสต์รายชื่อกลิ่นขนมหรือของกินที่ Demeter ทำออกมานี้แล้วคงรู้สึกแทบอดใจไม่ไหวเหมือนผู้เขียน
“Bubblegum”, “Egg Nog”, “Reese’s Peanut Butter Cups”, “Hershey’s Kisses”, “Jelly Belly Hot Fudge Sundae”, “Condensed Milk”, “Waffles”, “Chocolate Mint”, “Chocolate Chip Cookie”, “Chocolate Covered Cherries”, “Banana Flambée”, “Fruit Cake”, “Ice Cream Cone”, ‘Pumpkin Pie”, “Lollipop”, Sticky Toffee Pudding”, “Tiramisu” ฯลฯ
แทบไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมว่าทั้งหมดนี้คือน้ำหอม!
ขนม Sticky Toffee Pudding
ผู้เขียนมีโอกาสลองกลิ่นของ Demeter อยู่หลายกลิ่น และชื่นชมอยู่คนเดียวว่าเป็นแบรนด์ที่กล้าคิด กล้าทำอะไรที่นอกกรอบ ทั้งยังคงไว้ซึ่งจินตนาการและมุมมองที่สดใสแบบเด็กๆ เพราะเด็กๆ นั้นมักจะอยากรู้อยากเห็น ช่างสังเกต และสนุกกับสิ่งต่างๆ รอบตัว กลิ่นต่างๆ ที่ Demeter จับเอามาใส่ขวดนี้เป็นกลิ่นที่แทบไม่มีแบรนด์อื่นๆ ทำกัน
ซ้ำยังมีข้อดีที่ราคาไม่แพงเท่าน้ำหอมแบรนด์ดัง เด็กๆ หรือวัยรุ่นก็สามารถซื้อได้ มีข้อเสียก็ตรงที่น้ำหอมไม่ติดทนนานเพราะเป็น cologne กลิ่นหอมจึงติดผิวกายแค่ชั่วครู่ก่อนจะระเหยจางไป แต่สำหรับคนที่กระตือรือร้นจะทดลองอะไรใหม่ๆ ล่ะก็ Demeter เป็นทางเลือกที่ไม่เลวทีเดียว
น้ำหอมจาก Demeter Fragrance Library
กลับมาที่เรื่องเทสต์ด้านการรับกลิ่นและวัยของคนเรา ผู้เขียนว่าคงจะดีกว่าถ้าทุกวัยยอมรับร่วมกันว่าเรื่องของรสนิยม ไม่ว่าจะด้านไหนก็ตาม เป็นเรื่องเฉพาะตนหรือ subjective จริงๆ จึงไม่ควรจะนำรสนิยมของตนมาตั้งเป็นมาตรฐานและ ‘ตัดสิน’ รสนิยมของคนอื่น เพราะในทันทีที่คนรุ่นเก่ามองว่ารสนิยมเรื่องกลิ่นของคนรุ่นใหม่คับแคบ ตื้นเขิน และไร้สาระ เช่นที่มองว่า Jessica Simpson ก็เป็นแค่ dumb blonde อีกคน และน้ำหอมของเธอก็ไม่ต่างกัน คนรุ่นใหม่เองก็อาจจะวิจารณ์ว่ากลิ่นน้ำหอมที่คนรุ่นก่อนชื่นชมนั้นเป็น กลิ่น ‘หญิงแก่’ (old-ladyish) ซึ่งถือเป็นคำสบประมาทที่ออกจะหยาบคายไปหน่อยสำหรับคนวัยปลาย 30 หรือ 40 ขึ้นไป
ดังนั้นใครชอบอย่างไรก็ควรปล่อยให้เป็นเสรีภาพในการเลือกของคนนั้น คนวัย 50 อาจจะหลงใหลน้ำหอมกลิ่นหมากฝรั่งหรือป็อบคอร์น ขณะที่สาวน้อยวัย 16 อาจติดใจ Chanel N.5 โดยไม่เห็นจำเป็นต้องตั้งกำแพงเรื่องวัยขึ้นมาขวางกั้นตนเอง
ส่วนตัวผู้เขียนนั้นใส่กลิ่น Fancy ของ Jessica Simpson ไว้ใน wishlist เรียบร้อยแล้ว และคงจะได้ซื้อแบบเต็มๆ ขวดมาใช้ในเร็ววันนี้!
*ผู้ที่ต้องการนำข้อมูลบางส่วนไปเผยแพร่ในเว็บไซต์หรือส่งพิมพ์ต่างๆ กรุณาระบุที่มาของข้อมูลด้วย ขอบคุณค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

B&C Perfumes Academy