ขอบพระคุณที่มา http://sangkae.wordpress.com
เครื่องมือสำคัญอันหนึ่งในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้าหรือ
ที่ไม่ใช่ลูกค้าผลิตภัณฑ์น้ำหอมโดยตรง
แต่นิยมเสพงานศิลป์หรือภาพฝันอันสวยงามผ่านเลนส์กล้อง
ก็คือชิ้นงานโฆษณาทั้งที่เป็นภาพเคลื่อนไหวและภาพนิ่ง
สำหรับลูกค้าในกรณีแรกนั้นก็คงเป็นการสร้างแรงดึงดูดในสินค้าตัวใหม่
พอที่จะทำให้คนเหล่านั้นออกไปทดลองกลิ่นจริงๆ
จนถึงขั้นควักกระเป๋าซื้อน้ำหอมกลิ่นใหม่ได้ แต่สำหรับกรณีหลังนั้น
ก็คงเป็นการสร้างความจงรักภักดีในแบรนด์นั้นๆ
ว่ามีชื่อเสียงมายาวนานและมีสถานะที่สูงส่งในอุตสาหกรรม
ภาพโฆษณาผ่านเลนส์กล้องของช่างภาพหรือผู้กำกับระดับโลกที่มีแฟนคลับติดตาม
งานกันมากมาย เป็นเครื่องการันตีถึงภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ซึ่งเป็น asset
ที่มีค่ามากสำหรับอุตสาหกรรมแฟชั่นและความงาม
ผู้เขียนเป็นอีกคนหนึ่งเช่นกันที่จัดอยู่ในกลุ่มหลัง
คือพวกที่ชอบดูชิ้นงานโฆษณาน้ำหอมเหล่านี้ทั้งที่เป็นภาพนิ่งและภาพเคลื่อน
ไหว สำหรับโฆษณาทางทีวีซึ่งเป็นภาพเคลื่อนไหวนั้น
จะเห็นการสื่ออารมณ์ของตัวเอกผ่านทางภาษากาย คือ สีหน้า แววตา
การขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวเรือนร่าง รวมทั้งน้ำเสียงที่เปล่งออกมา
อากัปกิริยาของตัวเอกในโฆษณานี้มักเป็นไปในทางเชื้อเชิญให้ผู้ชมก้าวล่วง
เข้าไปในโลกของเขาหรือเธอ
ซึ่งในโฆษณาอาจเป็นการเล่าเรื่องราวความรักหรือความสัมพันธ์ระหว่างหญิงชาย
หรือเป็นการเล่าเรื่องโดยตัวเอกชายหรือหญิงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งล้วนๆ ก็ได้
กรณีที่เป็นเรื่องราวซึ่งมีตัวละครทั้งหญิงชายนั้น หากเป็นน้ำหอมหญิง
ก็จะเน้นหนักที่เสน่ห์ทางเพศของหญิงนั้นว่าดึงดูดให้ชายมาติดใจหลงใหลได้
อย่างไร การแสดงออกทางสีหน้า แววตาที่ฉายความเสน่หา
การเคลื่อนไหวร่างกายก็เน้นความอ้อนแอ้นอรชร ความเซ็กซี่เย้ายวน
หรือความอบอุ่นอ่อนโยน เป็นไปในทางเชิญชวนให้อีกฝ่ายเข้าหาหรือติดตาม
ซึ่งก็จะพบลักษณะเดียวกันในกรณีกลับกันคือน้ำหอมชาย
ตัวละครชายก็ต้องแสดงสีหน้า แววตาเย้ายวน เรือนร่างงามสง่า หรือในหลายๆ
ชิ้นงานโฆษณาที่ผู้เขียนเห็น
ก็คือการขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวสรีระและมัดกล้ามที่สื่อถึงทั้งความแข็งแกร่ง
และความเป็นผู้ปกป้องหรือให้ที่พักพิงอันอบอุ่นในเวลาเดียวกัน
ส่วนกรณีเรื่องราวที่ใช้ตัวละครเพศใดเพศหนึ่งเพียงตัวเดียวเป็นผู้เล่า
เรื่องนั้น ก็อาจจะฉายภาพการมีความสุขอยู่ในโลกของตัวเอง
ที่อาจเกี่ยวพันกับธรรมชาติรอบข้าง อย่างแม่น้ำ ทะเล ป่าเขา ทะเลทราย
เมืองใหญ่ หรือที่อยู่ในโลกส่วนตัวสุดๆ อย่างเช่นในห้องนอนของตัวเอง
น้ำหอมที่ตั้งใจปรุงแต่งออกมาให้มีความสดชื่น เลียนล้อกลิ่นอายในธรรมชาติ
ก็มักจะทำโฆษณาที่เล่าเรื่องราวของตัวละครที่กำลังมีความสุขดื่มด่ำอยู่ใน
สภาพแวดล้อมรอบตัว
ส่วนที่ปรุงแต่งออกมาให้มีความเย้ายวนก็อาจจะเล่าเรื่องตัวเอกกำลังดื่ม
ด่ำอยู่กับเรือนร่างเนื้อหนังมังสาของตัวเอง
โดยมีแบ็กกราวนด์เช่นห้องนอนหรือห้องแต่งตัวที่ย้ำเสริมอารมณ์ชิดใกล้ เช่น
โฆษณาน้ำหอม Shalimar ของ Guerlain เวอร์ชั่นปี 2008
จะเห็นว่าตัวเอกแสดงอารมณ์อ่อนไหวดื่มด่ำกับกลิ่นหอมที่ประพรมลงบนเรือนร่าง
โดยใช้ภาษากายที่ออกจะเหนือจริง
ผู้เขียนเข้าใจว่าการโฆษณาสิ่งที่มีกลิ่นหอมนั้นมันไม่สามารถจะส่งกลิ่น
ผ่านทีวีมาให้ผู้ชมสัมผัสได้
จึงต้องใช้การปลุกเร้าจักษุประสาทและโสตประสาทของผู้ชมแทน
ให้เกิดอารมณ์ร่วมว่าน้ำหอมกลิ่นนั้นหอมจนทำให้อ่อนระทวยและกระตุ้นเร้า
จินตนาการทางเพศของผู้ใช้มันได้อย่างไร
การกระตุ้นประสาทสัมผัสทางหูก็ผ่านเสียงดนตรีประกอบที่ปลุกอารมณ์
เสียงแบ็กกราวนด์ที่จำลองธรรมชาติ เช่น เสียงกระแสไหลวนของน้ำ
เสียงสาดซ่าของคลื่นกระทบฝั่ง เสียงตกกระทบผืนดินของหยาดฝน
เสียงเสนาะพริ้งของน้ำค้างที่หยาดหยดจากต้นไม้ใบหญ้า
เสียงสายลมรำเพยรื่นร่า หรืออาจเป็นเสียงจำลองบรรยากาศของเมืองใหญ่
อย่างเสียงเครื่องยนต์บนถนน เสียงผู้คนจอแจ เสียงเครื่องจักรกล
หรือเสียงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
ทั้งหมดนี้ต้องโน้มน้าวผู้ชมให้มีอารมณ์ร่วมและเข้าถึงคาแร็คเตอร์หลักของ
น้ำหอมนั้นๆ ให้ได้
เสียงพากย์หรือเสียงแสดงอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอกในโฆษณานั้น
มักเป็นเสียงแสดงอารมณ์เบื้องลึก อย่างเสียงครางแผ่วด้วยความปรารถนา
เสียงหัวเราะระรี่ เสียงอุทานด้วยอารมณ์ที่เต็มตื้นขึ้นมาอย่างฉับพลัน
แม้แต่เสียงอ่านชื่อและสโลแกนของน้ำหอมในตอนท้ายโฆษณา
ก็เป็นเสียงกระซิบแผ่วอย่าง (ไม่) จงใจให้ฟังดูเซ็กซี่เย้ายวน
สารที่สื่อออกมาตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าภาพและเสียงจะออกมาในสไตล์ไหน
จะกร้าวแกร่งอันตราย โฉบเฉี่ยวร้อนแรง โรแมนติคพาฝัน อบอุ่นอ่อนโยน
หรือสงบบริสุทธิ์
ดังเช่นโฆษณาที่นำเสนอภาพผู้หญิงที่หลีกหลี้อยู่ในโลกส่วนตัวของเธอเอง
เหมือนจะพยายามสะท้อนจิตวิญญาณอิสระของเธอ
ทำนองว่าฉันมีความสุขด้วยตัวเองได้โดยไม่ต้องขึ้นอยู่กับใคร
ก็ยังไม่แคล้วเป็นภาพหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าสายตาของผู้ชม ผู้ดูอย่างเราๆ
ที่ได้รับเชิญให้เข้าไปเป็นสักขีพยานในโลกอันลี้ลับนั้น พูดง่ายๆ
ก็คือยังไม่วายมีนัยเชื้อเชิญให้เข้าไปชมความงามทางเนื้อหนังของเธอเหล่า
นั้น มันก็เลยยังหนีไม่พ้น cliché เรื่องเพศอยู่นั่นแหละ
เพียงแต่โฆษณาหลายชิ้นที่เผยเรือนร่างของนางแบบอย่างโจ่งแจ้ง
จะถูกป้องกันไม่ให้ก้าวล่วงไปถึงขั้น hard core หรือหยาบโลน
โดยการเคลือบคลุมไว้ด้วยสไตล์การนำเสนอที่ดูเป็น high fashion
คือเน้นมุมหรือองศาที่งดงามของสรีระ
หรือหากไม่เน้นความเปล่าเปลือยของร่างกาย ก็จะหันไปฉายภาพรูปทรง เส้นสาย
สีสัน และความพลิ้วไหวของอาภรณ์ที่ใช้ประดับกาย
ซึ่งถูกนำเสนอผ่านการจัดแสงและการตัดต่อชั้นเซียน
เหมือนจะบอกว่าแฟชั่นกับน้ำหอมนั้นแยกจากกันไม่ออก
น้ำหอมไม่ใช่แค่เครื่องมือปลุกเร้ากามารมณ์หรือตัณหาราคะทางเพศเท่านั้น
แต่ยังเกี่ยวโยงไปถึงค่านิยมของสังคมที่เน้นความหรูหราฟุ่มเฟือย
ทำนองว่าใช้น้ำหอมขวดนี้แล้วจะทำให้คุณถูกรับรู้ว่าเป็นผู้มีรสนิยมดีหรือมี
ความก้าวล้ำนำสไตล์
เพราะน้ำหอมเหล่านี้เป็นผลผลิตของแบรนด์แฟชั่นชั้นสูงทั้งนั้น
กรณีนี้ยิ่งเห็นได้ชัดจาก print ad
หรือภาพนิ่งของน้ำหอมเหล่านี้ซึ่งต้องไปปรากฏในหน้านิตยสารแฟชั่นชั้นนำ
ภาพนิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเล่นกับประสาทสัมผัสได้มากเท่าโฆษณาทางโทรทัศน์
จึงไม่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวได้สมบูรณ์เทียบเท่า พูดง่ายๆ
ก็คือไม่สามารถปลุกเร้าอารมณ์ได้มากเท่า
เพราะเป็นภาพนิ่งที่ถูกแช่แข็งไว้กับที่ จึงตอบสนองได้แต่จักษุประสาท
ที่ต้องปรนเปรอมันด้วยมุมมองทางแฟชั่น
นั่นคือองค์ประกอบภาพที่ดูสวยงามหรูหราหรือล้ำยุคล้ำสมัย
แต่ข้อสังเกตนี้ก็ใช่ว่าจะใช้ได้กับน้ำหอมทุกประเภท
ขึ้นอยู่กับภาพลักษณ์ของแบรนด์หรือลักษณะของกลิ่นน้ำหอมนั้นๆ ด้วย
แบรนด์ที่เน้นกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่วัยทำงาน เช่น Hugo Boss
มักจะฉายภาพหญิงสาวในสูทเนี้ยบ เชิ้ต หรือเสื้อยืดแบบง่ายๆ สบายๆ
เน้นโทนสีขาว-ดำ แบบ anti-fashion สีหน้าและแววตาดูกล้าแกร่งมุ่งมั่น
ดูแล้วสื่อไปทางเพศน้อยกว่าน้ำหอมแบบ ‘หญิง หญิง’
ทั้งหลายซึ่งทำโฆษณาแบบใช้จินตนาการฟุ้งฝันมากกว่า
ส่วนน้ำหอมชายในลักษณะเดียวกันนี้
ก็แน่นอนว่าถ้าเป็นน้ำหอมสำหรับวัยทำงานก็มักเป็นภาพหนุ่มในชุดสูทหรือเชิ้ต
แววตาคมเข้มจริงจังแบบคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่เชื่อมั่นในความสำเร็จ
หรืออาจเป็นภาพหนุ่มที่กำลังมุ่งมั่นจดจ่ออยู่กับการเดินทาง
กีฬาหรืองานอดิเรกที่ท้าทาย
หากเป็นน้ำหอมวัยรุ่นก็มักจะเน้นภาพนักกีฬาที่เปี่ยมด้วยพลังงาน
หรืออาจเป็นภาพหนุ่มในเสื้อชุดลำลองสบายๆ ดูขี้เล่นและรักอิสระ
ถ้าเป็นน้ำหอมที่ออกแบบมาสำหรับผู้ใหญ่
ก็จะได้เห็นภาพชายวัยกลางคนขึ้นไปที่มีริ้วรอยบนใบหน้า ดวงตาฉายแววลุ่มลึก
บ่งบอกวุฒิภาวะและประสบการณ์ในชีวิต
ภาพโฆษณาประเภทนี้มักเล่นกับแรงจูงใจหรือความคาดหมายที่จะประสบความสำเร็จ
หรือบรรลุจุดมุ่งหมายบางอย่างในชีวิต ก็ถือเป็นภาพฝันอีกประเภทหนึ่ง
ที่มีความหมายต่อมนุษย์อย่างเราๆ
ไม่น้อยไปกว่าเรื่องเซ็กส์และความสัมพันธ์ชาย-หญิงเลย แต่ก็นั่นแหละ
ว่ากันว่าอำนาจ พละกำลัง
หรือความสำเร็จก็ถือเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่เสริมเสน่ห์ทางเพศของผู้ชายในสาย
ตาของผู้หญิง กรณีนี้จะถือว่าพ้นไปจากเรื่องเพศก็คงจะไม่จริงนัก
ผู้อ่านว่าแปลกดีไหมที่ผู้ผลิตน้ำหอมคิดว่าคนเราหวังอะไรกันมากมายขนาด
นั้นจากน้ำหอมกลิ่นหนึ่ง
ทั้งเสน่ห์ดึงดูดที่จะทำให้ความสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามคืบหน้าต่อไป
หรือแม้แต่สิ่งที่ดูจะตรงกันข้ามคือความสุขสงบ
อิสระภายในที่ไม่ต้องการให้ใครเข้ามายุ่มย่าม
ไปจนถึงแรงผลักดันที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องใหญ่มากในชีวิตคนเรา
จนชวนให้คิดไปว่ากลิ่นนั้นเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องใหญ่ๆ
ขนาดนั้นเชียวหรือ
กิจกรรมสำคัญในชีวิตเราต้องการกลิ่นเข้ามาประกอบด้วยเพื่อเรียกความเชื่อ
มั่นที่จะกระทำการนั้นๆ
เหมือนเราเปิดเพลงเป็นแบ็คกราวนด์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจเวลาทำงานอย่างนั้น
หรือ
ผู้เขียนดูโฆษณาพวกนี้แล้วก็ขำดีเหมือนกัน แต่พอลองย้อนกลับมามองตัวเอง
บางที Carnal Flower
ก็ทำให้ผู้เขียนจินตนาการว่าตัวเองจะมีเสน่ห์ทางเพศมากแค่ไหนต่อหน้าชาย
หนุ่มถ้าหากประพรมน้ำหอมกลิ่นนี้เข้าไป Diorissimo
ทำให้รู้สึกสุขสดชื่นอยู่ภายในอย่างบอกไม่ถูก เหมือนอยู่ในโลกที่มีเพียงเรา
ล้อมรอบด้วยสวนดอกไม้สีขาวที่ถูกพร่างพรมด้วยหยาดน้ำค้างในยามเช้า ส่วน
Y ของ Yves Saint Laurent
ทำให้รู้สึกถึงความสุขุมลุ่มลึกแบบสาวทำงานผู้แสนจะภูมิฐาน
แต่ทั้งหมดนี้มันก็แค่ความรู้สึกและจินตนาการที่บังเกิดเวลาสัมผัสกับ
กลิ่นพวกนี้เท่านั้น ผู้เขียนไม่เคยลองใส่ Carnal Flower
ไปอยู่ต่อหน้าหนุ่มที่ชอบ หรือใส่กลิ่น Y เวลาไปสัมภาษณ์งาน
ก็เลยไม่มีโอกาสพิสูจน์ว่าความคาดหวังต่างๆ นานาของมนุษย์เรานั้น
จะสำเร็จได้โดยใช้กลิ่นเป็นตัวช่วยจริงไหม
เคยแต่ใส่น้ำหอมไปทำงานหรือไปในสถานที่สาธารณะ
แล้วผลตอบรับส่วนใหญ่ออกไปในแนวรบกวนความสงบสุขของผู้อื่นเสียมากกว่า
ตั้งแต่นั้นมาผู้เขียนเลยไม่อยากใส่น้ำหอมออกไปนอกบ้าน
ก็ดูจะเป็นอะไรที่ตรงข้ามกับสิ่งที่โฆษณาเหล่านี้พยายามจะให้เราเชื่อเสีย
จริงๆ
ภาพฝันที่ปรากฏในโฆษณาเหล่านี้จะพบในน้ำหอมประเภท mainstream
คือที่เจาะกลุ่มลูกค้าวงกว้างเท่านั้น ขณะที่น้ำหอมประเภท niche
ที่เจาะตลาดเฉพาะกลุ่มนั้น
มักไม่พบโฆษณาที่ใช้นางแบบ-นายแบบเป็นตัวเดินเรื่อง
พร้อมอาภรณ์จากแฟชั่นชั้นสูง ดนตรีสุดล้ำ หรือเครื่องปรุงแต่งที่ฟุ่มเฟือย
เพราะโฆษณาน้ำหอมประเภทนี้ไม่ได้ปรากฏทางทีวี ที่จะเข้าถึงชนหมู่มาก
มักเป็นแค่ภาพนิ่งที่แสดงความงามของขวดที่ผ่านการดีไซน์ทั้งแบบคลาสสิคหรือ
แบบเก๋แปลกแหวกแนว ความสดสวยของของเหลวที่อยู่ในนั้น
โดยมักมีแบ็กกราวนด์เป็นภาพส่วนผสมหลักในน้ำหอมขวดนั้นๆ
หรือสถานที่ที่เป็นแรงบันดาลใจให้สร้างสรรค์กลิ่นขึ้นมา
ทำให้เห็นความงามของธรรมชาติที่ก่อให้เกิดผลิตผลหรือวัตถุดิบที่นำมาใช้ปรุง
แต่งน้ำหอม
print ad ของน้ำหอมประเภท niche
จึงมักไม่ได้สื่ออะไรที่ไกลออกไปจากตัวน้ำหอมเอง
ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าของแบรนด์ประเภทนี้ให้ความสำคัญ แต่จริงๆ
แล้วมันก็คือภาพฝันอีกประเภทหนึ่งเหมือนกัน
เพราะเมื่อไม่สามารถส่งกลิ่นมาให้ผู้ชมรับรู้ได้ทางนาสิกประสาท
ก็ต้องกระตุ้นเร้าผ่านทางจักษุประสาทแทน
เพื่อช่วยสร้างจินตนาการว่าน้ำหอมนั้นจะมีกลิ่นหอมมากน้อยแค่ไหน
ปรุงแต่งขึ้นจากส่วนผสมอะไร หรือมีที่มาจากไหน
ซึ่งบางกลิ่นก็มักนำเสนอว่าได้แรงบันดาลใจมาจากดินแดนอันไกลโพ้น
อันถือเป็นความฝันของชาวตะวันตกที่รักการเดินทางท่องเที่ยวไปในโลกกว้าง
ก็เป็นการเพิ่มคุณค่าให้น้ำหอมขวดนั้นมีความพิเศษมากขึ้นในสายตาคนซื้อ
สำหรับผู้เขียนแล้ว โฆษณาน้ำหอมก็ไม่ค่อยต่างจากบท review
เท่าไหร่นักในแง่ที่ว่า มันมีอยู่เพื่อตัวมันเอง
นั่นคือเดี๋ยวนี้ผู้เขียนมักจะเข้าไปชมภาพโฆษณาหรืออ่านบท review
เหล่านั้นเพียงเพื่อสุนทรียะในการชมหรือการอ่านล้วนๆ
แต่จะมีข้อแตกต่างอยู่บ้างก็ในแง่ที่ว่า อย่างน้อยบท review
ก็มีความน่าเชื่อถือมากกว่าเพราะเป็นความคิดเห็นของผู้บริโภคด้วยกันเอง
ซึ่งย่อมวิจารณ์อย่างเป็นธรรมและตรงไปตรงมาตามประสบการณ์ที่ตัวเองได้รับ
แม้จะมีการแทรกโวหารที่กระตุ้นจินตนาการหรือสร้างภาพฝันอยู่เหมือนกัน
แต่ก็ยังน่าเชื่อมากกว่าโฆษณาซึ่งเป็นสารที่ส่งมาจากผู้ผลิต
ที่ยังไงก็ต้องบอกว่าของตัวเองดีอยู่แล้ว
มีหลายครั้งที่บท review ส่งอิทธิพลให้ผู้เขียนพยายามขวนขวายหา sample
หรือน้ำหอมขนาดทดลองมาดมดูก่อน
ในกรณีที่คำพรรณนากลิ่นและรายละเอียดของส่วนผสมนั้นมันตรงใจมากๆ
แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่าส่วนใหญ่แล้วผู้เขียนก็เพียงแค่กำจัดน้ำหอม
ขนาดทดลองเหล่านั้นไปด้วยการแลกเปลี่ยนกับคนอื่นๆ
เพื่อจะได้ทดลองกลิ่นใหม่ต่อไปเรื่อยๆ
มีน้อยครั้งนักที่จะลงทุนซื้อน้ำหอมแบบเต็มขวดมาใช้
นั่นก็เพราะสิ่งที่ถูกวาดไว้ในบท review ซึ่งเป็นประสบการณ์ของคนอื่น
อาจเป็นคนละเรื่องกับความจริงที่ตัวเราได้สัมผัส
เวลาที่ทดลองสูดดมน้ำหอมนั้นด้วยตัวเอง
กลิ่นที่ถูกฉายภาพเอาไว้อย่างแสนจะโรแมนติคชวนฝัน
อาจถึงขนาดทำให้คุณรู้สึกคลื่นไส้เอาเลยก็ได้ หากส่วนผสมในนั้นเป็นของ
‘แสลง’ ที่จมูกคุณรับไม่ได้เอาเสียเลย
แสดงว่าแม้กระทั่งบท review
เองก็ยังส่งผลน้อยมากต่อพฤติกรรมการซื้อของผู้เขียน
ในขณะที่โฆษณานั้นไม่เคยส่งผลอะไรเลย
นั่นคือผู้เขียนไม่เคยซื้อน้ำหอมหรือแม้กระทั่งหาน้ำหอมขนาดทดลองมาดมเพียง
เพราะเห็นภาพฝันอันสวยงามจากโฆษณา ซึ่งก็เป็นอย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้นว่า
ผู้เขียนชมโฆษณาน้ำหอมเพียงเพื่อปรนเปรอสายตาเท่านั้น …
ภาพฝันในโฆษณาน้ำหอม - ขอบพระคุณเครดิตคุณแสงแขครับ
ป้ายกำกับ:
น้ำหอม,
น้ำหอมแท้,
น้ำหอมห้าง,
perfumes
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น