Social Icons

facebookgoogle pluslinkedinrss feedemail
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Chanel แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Chanel แสดงบทความทั้งหมด

B&C DUPE REVIEW น้ำหอมตัวไหนใช้แทนกันได้บ้าง?? - CHANEL COCO MADEMOISELLE

กลับมาพบกันอีกครั้ง สำหรับการแนะนำน้ำหอมที่สามารถใช้แทนกันได้ รีวิวในครั้งนี้ก็มาถึงคิวของน้ำหอมที่ติดอันดับยอดนิยมเป็นอันดับต้นๆ ที่ครองใจคุณสาวๆค่อนโลก  นั่นก็คือ 

รีวิวน้ำหอม CHANEL – CHANEL N°5 โดย หวานละมุน


CHANEL – CHANEL N°5
Perfumer : Ernest Beaux
.
CHANEL N°5 ถือเป็นน้ำหอมรุ่นคลาสสิคที่สร้างชื่อเสียงให้กับ CHANEL และโลกของวงการน้ำหอมเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าน้ำหอมกลิ่นนี้เป็นกลิ่นแรกของโลกที่เริ่มบุกเบิกการนำสาร Aldehyde เข้ามาเป็นส่วนผสมในการปรุงน้ำหอม โดยสุคนธกรที่อยู่เบื้องหลังตำนานความคลาสสิคนี้คือ Ernest Beaux
.
CHANEL N°5 วางขายครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1921 โดยในสมัยนั้นมีวางขายด้วยกันทั้งหมด 3 รูปแบบ คือ Eau de Parfum, Eau de Toilette และ Eau de Cologne ซึ่งว่ากันว่าสูตร Original แท้ๆนั้นมีส่วนผสมมากถึง 130 อย่างเลยทีเดียว สำหรับสูตรที่วางขายอยู่ ณ ปัจจุบัน เบิร์ดไม่แน่ใจว่ารีฟอร์มครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ (คาดว่าน่าจะปี 1986) ประวัติ+เรื่องราวอื่นๆเบิร์ดขอยังไม่พูดถึงเพราะมันค่อนข้างเยอะ เดี๋ยวจะยาว สำหรับใครที่สนใจเรื่องราวของน้ำหอมอมตะกลิ่นนี้สามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้ จากเว็บไซต์หลายๆแห่งนะ
.
ดังที่ได้เกริ่นถึงโน้ต Aldehyde ไปในย่อหน้าแรก ขอขยายความซักนิด เจ้าโน้ตตัวนี้คือสารที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมาด้วยกระบวนการทางเคมี หากนำมาเป็นส่วนผสมในน้ำหอมกลิ่นใดจะทำให้กลิ่นของน้ำหอมนั้นๆมีความเก่าแก่ โบราณ ราวกับหีบสมบัติอายุนับพัน หนุ่มๆสาวๆสมัยใหม่ไม่น่าจะชอบโน้ตตัวนี้เท่าไหร่นัก เพราะมันให้อารมณ์เข้าถึงยากไปสักหน่อย (และบางคนก็ว่าเหม็นไปเลยก็มี) โน้ต Aldehyde ถือเป็นนางเอกของ CHANEL N°5 และปฏิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้น้ำหอมกลิ่นนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่น หากมีใครซักคนถามถึงน้ำหอมกลิ่นคลาสสิค อมตะ ไร้กาลเวลา CHANEL N°5 ก็มักจะเป็นคำตอบแรกที่ทุกคนนึกถึงเสมอ
.
CHANEL N°5 เป็นน้ำหอมแนว Floral – Aldehyde มีส่วนประกอบสำคัญคือสาร Aldehyde และโน้ตโทน Floral อันเป็น Signature รอง ได้แก่ กระดังงา, มะลิ, กุหลาบ และนีโรลี่ ผสมผสานเข้ากับดอกไอริส ให้กลิ่นอาย Powdery ที่นุ่มนวลฟุ้งเฟ้อ คล้ายกลิ่นแป้งเด็กสมัยโบราณ ให้ความรู้สึกอ่อนโยน สุภาพเชิงทางการ และในขณะเดียวกันก็เซ็กซี่เย้ายวนแบบผู้ใหญ่อีกด้วย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใส่เพื่อพบปะทางธุระอะไรก็แล้วแต่ที่ดูเป็นทางการ ต้องการความเชื่อถือ มีภูมิฐาน ให้ภาพถึงผู้หญิงวัย 50 ปี แต่งกายด้วยชุดสุภาพสี Beige ถือกระเป๋า Hermes Kelly สีดำ สวมสร้อยไข่มุกจาก CHANEL รวบผมตึงเป๊ะ ทาลิปสติกสีแดงสด ฯลฯ อารมณ์คุณหญิงคุณนายหน่อยๆ น่าจะพอนึกภาพกันออกเนอะ 555
.
Top Notes พบกับส่วนผสมตระกูล Citrus ดังเช่น มะกรูด มะนาว และนีโรลี่ แต่ไม่ใช่ออกโทน Citrus จ๋าจนสดชื่น เปรี้ยว ใส เหมือนอย่าง Cologne หลายๆยี่ห้อ เนื่องจากโน้ต Aldehyde กับ Iris เข้ามาคุมโทนตั้งแต่ก้าวแรก ให้กลิ่นที่ออกแนวแป้งเด็ก(ที่ไม่เด็ก) Powdery ฟุ้งๆ นวลเนียน แน่นหน่อยๆ มีความหรูหราฟู่ฟ่าชัดเจน ให้ฟีลถึงความสุภาพ มีอำนาจที่น่าเกรงขาม มีเหตุมีผล และเซ็กซี่ในแบบผู้ใหญ่ บางคนบอกว่ากลิ่นนี้ป้ามากๆ อืม ก็ใช่ อันนี้ไม่เถียง 5555 (ใช้คำว่าคลาสสิคจะดูดีกว่าเนอะ 55555) หากคุณอายุยังไม่เข้าใกล้เลข 5 แล้วสนใจน้ำหอมกลิ่นนี้ แนะนำเป็น CHANEL N°5 รุ่น EAU PREMIERE จะโอเคกว่า เนื่องจากกลิ่นดูอ่อนเยาว์ลง ทันสมัยขึ้น และลดความทางการลงมานิดหน่อย
.
ช่วงกลางจับกลิ่น Floral ได้ชัด มีมะลิ กุหลาบ และกระดังงา รวมกับโทน Powdery จากไอริส และแน่นอน ถูกคุมโทนอยู่ภายใต้ Aldehyde กุหลาบพันธุ์ที่ใช้เป็นส่วนผสมแก่ CHANEL N°5 เขาแจ้งว่าเป็นกุหลาบ May Rose ซึ่งจะเก็บเกี่ยวได้เฉพาะช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปีเท่านั้น เมื่อโน้ต Floral ต่างๆเริ่มก้าวเข้ามาร่วมวง ความอ่อนโยนตามสัญชาตญาณผู้หญิงเริ่มเผยมากขึ้น มีความอ่อนหวาน นอบน้อม ผู้หญิงคนเดิมในชุดสีครีม กระเป๋าสีดำ สวมสร้อยไข่มุก เริ่มมีรอยยิ้มที่เป็นมิตร ไม่ได้ดุหรือน่ากลัวอย่างที่แรกเห็น
.
Base Notes อบอุ่น เนียนนุ่ม ละมุนละไม กลิ่นแป้งเด็กสุภาพอ่อนโยนเคล้าตามมาด้วยโทน Woody นุ่มๆจาก Sandalwood และวานิลา ออกกลิ่นเชิงแมกไม้ที่หวานนิดหน่อย ควบคู่ไปกับ Floral และ Aldehyde ในสูตรดั้งเดิมเห็นว่ามีโน้ต Civet ประกอบด้วย แต่สูตรปัจจุบันนี้ไม่มี คาดว่าน่าจะเป็นการลดความเซ็กซี่รุนแรงจัดจ้านเชิง Animalic ลงไป เพราะ Civet นี่ก็คือกลิ่นที่สกัดมาจากสัตว์ดีๆนี่เอง (ไม่เคยลองสูตรเดิมมาก่อนก็เดาๆกันไป =0=)
.
จัดเป็นน้ำหอมกลิ่นหนึ่งที่กลิ่นแรง ฉุน เข้มข้น ติดทนอย่างมาก และกระจายตัวได้ดีมากๆเช่นกัน ใส่นิดเดียวกลิ่นก็ฟุ้งเวอร์แล้วล่ะ ใส่ทำงาน ออกงานทางการ งานสังคมกลางคืน หรือวันที่ต้องการความพิเศษ เหมาะมากที่สุด
.
.
.
http://www.fragrantica.com/perfu…/Chanel/Chanel-N-5-608.html

รีวิวน้ำหอม CHANEL – CHANCE EAU TENDRE


CHANEL – CHANCE EAU TENDRE
Perfumer : Jacques Polge
-
Fragrance Notes
Top Notes : Grapefruit, Quince
Heart Notes : Hyacinth, Jasmine
Base Notes : Amber, Iris, Musk, Cedarwood
-
-
-
CHANCE EAU TENDRE ออกสู่ตลาดในปี 2010 ถือเป็น flanker น้องใหม่ล่าสุดของไลน์ (ณ ตอนนี้) สำหรับรุ่นนี้ได้รับการพัฒนามาจากรุ่น Eau De Toilette ตัวดั้งเดิม ซึ่งถูกปรับกลิ่นใหม่ให้มีความอ่อนเยาว์มากขึ้น โดยการนำเอาผลไม้เข้าไปเป็นตัวเพิ่มความสนุกสนาน ร่าเริง มีชีวิตชีวา ซึ่งกลิ่นก็สดชื่น หวานใส เข้าถึงง่าย และครองใจมหาชน ตามแบบฉบับของน้ำหอมโทนสีชมพูอ่อนอันเป็นที่รักของสาวๆ หากคุณชอบน้ำหอมสีชมพูจำพวก MARC JACOBS – DAISY EAU SO FRESH, Miss Dior BLOOMING BOUQUET หรือ BVLGARI - OMNIA CORAL ฯลฯ แนะนำให้ลองอ่านรีวิวนี้ดูก่อนน้าา อย่างพึ่งเลื่อนข้าม 555
-
-
ณ ปัจจุบัน CHANCE EAU TENDRE ถือเป็นน้ำหอมที่มีกลิ่นอ่อนเยาว์ที่สุดของ CHANEL เป็นกลิ่นที่ไม่ได้ให้ความรู้สึกหรูหราหรืองดงามเชิงคุณนายเหมือนอย่างน้ำหอมรุ่นเก่าๆ หากแต่นางมาในมาดของคุณหนูตัวน้อยที่น่ารักสดใสวัยกำลังซน ชีวิตเต็มไปด้วยความสุข สนุกสนาน รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ ฟังดูเหมือนเป็นน้ำหอมสำหรับเด็ก 5-6 ขวบ แต่จริงๆช่วงวัยที่เหมาะที่สุดคือช่วงวัยรุ่นตอนต้น ไปจนถึงตอนปลาย
-
ภาพความน่ารัก ไร้เดียงสา ถูกสื่อออกมาผ่านกลิ่นแนว Floral – Fruity ที่หวานฉ่ำ สดใส อมเปรี้ยวนิดๆ ถือเป็นน้ำหอมเพียงกลิ่นเดียวของ CHANEL ที่ฉีกกฎความคลาสสิค อมตะ ไร้กาลเวลา กลายมาเป็นความบ้องแบ๊วเหมือนเด็กผู้หญิง โดยส่วนตัวมีความเห็นว่า กลิ่นนี้ดูเจาะตลาด Masstige เกินไปหน่อย เข้าถึงง่ายจริง แต่ไม่มีความหรูหราสไตล์น้ำหอม CHANEL ที่เขาพยายามสืบทอดมาในน้ำหอมหลายต่อหลายรุ่น แต่ถ้าหากมองเฉพาะกลิ่นเพียงอย่างเดียวล่ะก็ ตัวนี้กลิ่นจัดว่าโอเคเลยล่ะ สดชื่นแต่นุ่มละมุนในคราวเดียวกัน เบลนด์กลิ่นได้เนียนนุ่ม ลื่นจมูกกว่า CHANCE รุ่นก่อนๆ เพลิดเพลินไปกับกลิ่นผลไม้และดอกไม้ที่ผสานกันอย่างลงตัว และถึงแม้คุณภาพจะเทียบเทียม CHANEL รุ่นอื่นๆไม่ได้ แต่หากเทียบกับคุณภาพของน้ำหอมสีชมพูอื่นๆในตลาด CHANCE EAU TENDRE ชนะไปแบบสวยๆเลยครับ
-
กลิ่นเปิดพบกับผลไม้โทน Fruity หวานฉ่ำซ่อนเปรี้ยว นำโดยผลเกรฟฟรุ๊ตและ Quince (ผลไม้รสเปรี้ยว ตระกูลแอ๊บเปิ้ลหรือลูกแพร์) ที่ดูอ่อนเยาว์ มีชีวิตชีวา ชวนให้นึกถึงภาพความสุขของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนบาง พวงแก้มสีชมพูระเรื่อ ดวงตากลมโตสดใสเป็นประกาย เธอกำลังกัดกินแตงโมฉ่ำๆใต้ร่มไม้ และรอยยิ้มที่สื่อถึงความสุข ฯลฯ เป็นภาพที่จินตนาการได้ถึงความสุขสดใสในวัยเด็ก ที่กลิ่นของน้ำหอมสื่อออกมาได้อย่างชัดเจน โดยปราศจากความเซ็กซี่เย้ายวน หรือโรแมนติกแต่อย่างใด
-
ช่วงกลางเพิ่มความอ่อนโยนแบบผู้หญิงๆด้วยโน้ต Floral ประกอบด้วยดอกมะลิกับ Hyacinth ให้ความรู้สึกชุ่มฉ่ำสไตล์ Aquatic เบาบาง เคล้าไปกับความสดชื่นและหวานใสจากผลไม้ ยังคงให้อารมณ์ขี้เล่น ซุกซนไม่มีเปลี่ยนแปลง หากแต่เพิ่มเข้ามาด้วยความอ่อนโยนตามประสาของเด็กผู้หญิง ซุกซนแบบอยู่ในขอบเขต ไม่ใช่ Floral - Fruity แรดๆหรือแก่แดดจนเกินงาม
-
เบสโน้ตออก Musky เล็กน้อย มีมัสก์กับไม้ซีดาร์เป็นส่วนประกอบหลัก จนถึงช่วงนี้ต้องบอกเลยว่าเหลือกลิ่นติดผิวที่อ่อนบางมากๆ ติดไม่ทนเท่าไหร่นัก ซึ่งก็เป็นปกติของน้ำหอมกลิ่นสดชื่นบางเบาแบบนี้ การกระจายก็ไม่สู้ดีเท่าไหร่ ออกทางติดผิว ฉะนั้น กลิ่นนี้เหมาะกับผู้หญิงที่ไม่ชอบน้ำหอมกลิ่นแรงหรือฉุน ต้องการกลิ่นหอมอ่อนๆที่ไม่รบกวนคนรอบข้าง ใส่ได้ในโอกาสสบายๆทั่วไปที่ไม่เป็นทางการ เช่น ไปเที่ยว เดินเล่น ปิกนิกในสวน ออกกำลังกาย เป็นต้น
-
-
-
อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ http://www.fragrantica.com/perfume/Chanel/Chance-Eau-Tendre-8069.html

รีวิวน้ำหอม CHANEL – CHANCE EAU FRAICHE

CHANEL – CHANCE EAU FRAICHE
Perfumer : Jacques Polge
-
Fragrance Notes
Top Notes : Cedar, Citruses
Middle Notes : Jasmine, Pink pepper, Water hyacinth
Base Notes : Amber, Iris, Musk, Patchouli, Teakwood, Vetiver
-
-
-
CHANCE EAU FRAICHE เป็นน้ำหอมอีกหนึ่งกลิ่นของ CHANEL ที่มีกลิ่นหอมสบาย สดชื่น ใช้ง่าย ทันสมัย และอ่อนเยาว์ ขัดกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่เต็มไปด้วยมนต์ขลังความคลาสสิคและอมตะไร้กาลเวลา Flanker รุ่นนี้ถูกพัฒนาสืบต่อมาจาก CHANCE รุ่น EDT โดยเขาปรับกลิ่นให้มีความสดชื่นมากขึ้นด้วยการชูมะนาวขึ้นมาเป็นตัวเด่น และลดทอนบทบาทความแหลมซ่าเสียดจมูกของ Patchouli ลง แม้ว่ากลิ่นจะถูกปรับให้สดชื่นและเบาสบายมากขึ้น แต่เนื้อกลิ่นโดยรวมยังคงยืนอยู่บนฐานของความ Chypre ที่ถูกส่งทอดมาจาก CHANCE ตัวดั้งเดิม ดังนั้นกลิ่นจึงหรูหราควบคู่ไปกับความสดชื่น เบาสบาย ใช้ง่ายกับทุกสภาพอากาศ
-
-
ก่อนเข้ารีวิวอย่างเป็นทางการ อยากจะบอกทุกคนว่า CHANCE EAU FRAICHE เข้าข่าย Unisex นะจ้ะ ผู้ชายก็ใช้ได้ ไม่ผิดแปลก ไม่สาวเกิน เนื่องจากกลิ่นนี้เน้นสดชื่นในโทนมะนาวเป็นหลัก ซึ่งไม่ออกหวานเหมือนน้ำหอมผู้หญิงเลย แต่อาจจะมี Floral เล็กๆบ้าง ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรมากมายนัก
-
CHANCE EAU FRAICHE จัดอยู่ในกลุ่ม Chypre – Floral โทนน้ำหอมสีเขียว ตระกูลเดียวกับ VERSACE – VERSENCE และ Miss Dior Cherie L’eau หากแต่ของ CHANEL หรูหรากว่า เนื่องจากไม่ได้แค่สดชื่นสบายๆเหมือน 2 ตัวดังกล่าว แต่ฐานกลิ่นเขารองด้วย Patchouli อันให้ความมีระดับในโทน Chypre ซึ่งแม้จะถูกลดความเข้มข้นลงจากรุ่นดั้งเดิม แต่ก็ยังหลงเหลือความหรูหราติดตราไว้ให้สัมผัสได้ใน Flanker รุ่นนี้อยู่ดี
-
กลิ่นเปิดพบกันมะนาวใสๆที่ออกมาต้อนรับตั้งแต่ต้น กลิ่นออกเปรี้ยวตามสไตล์ Citrus ซึ่งสดชื่นมากๆ เหมือนอากาศยามเช้าในสวนส้ม สวนมะกรูด มะนาว ฯลฯ เย็นสบาย และสะอาดสะอ้านเหมือนพึ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ กลิ่นโทนส้มเย็นๆสดๆถูกคลุมด้วยไม้ซีดาร์บางๆที่ช่วยปรับให้กลิ่นซอฟ นุ่มนวล ต่างจาก CHANCE ตัวเดิมที่จะสดชื่นแบบซ่าบาดจมูก ไม่มีความนุ่มนวลให้ได้สัมผัสเลย เนื่องจากตัวดั้งเดิมมี Patchouli เป็นโน้ตหลักในการยืนพื้น สำหรับตัว EAU FRAICHE นี้ก็มี Patchouli เหมือนกัน หากแต่มันถูกปรับให้เบาบาง และล่องลอยซ้อนอยู่ด้านหลังมะนาวอีกชั้นหนึ่ง
-
หลังจากนั้นจะเติมเข้ามาด้วยโทน Floral อ่อนๆ โดยมีมะลิกับ Water Hyacinth เจ้าตัวหลังนี่คือดอกผักตบชวา มอบความ Aquatic คล้ายกลิ่นน้ำเย็นๆฉ่ำๆ ประกอบร่างเข้ากับมะนาวตัวเอก โดยรวมสดชื่น สะอาดสะอ้าน ใสเย็น และชุ่มฉ่ำ ชวนนึกถึงภาพธารน้ำตกริมหน้าผาสูง เคียงข้างต้นไม้ตามโขดหิน และบรรยากาศที่เย็นครึ้ม พร้อมเสียงน้ำตกดังซู่ซ่า เพลินหู เพลินตา น่าปลดปล่อยอารมณ์ให้ว่างเปล่าในวันสบายๆ
-
CHANCE EAU FRAICHE มาในความเข้มข้นของเบส Eau de Toilette ความทนทาน สำหรับน้ำหอมกลิ่นสดชื่นแบบนี้ ถือว่าติดทนดีทีเดียว (แต่เทียบไม่ได้กับ CHANCE EDP และ EDT ที่กลิ่นแน่นกว่า เลยพลอยทำให้ติดทนกว่าไปด้วย) การกระจายยังคงเป็นรองรุ่นต้นตำหรับ โดยรวมก็ สะอาด สดชื่น เหมาะกับการใส่ในยามกลางวันร้อนๆ ส่วนตัวเรามองว่ากลิ่นนี้ใส่เล่นกีฬาคือดีมาก ได้ทั้งชายและหญิง ใครกำลังมองหาน้ำหอม Aromatic สบายๆ ใช้ง่าย และเป็นกลิ่นสามัญประจำบ้าน ลองดูได้นะ
-
-
-
อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้ที่ http://www.fragrantica.com/perfume/Chanel/Chance-Eau-Fraiche-1483.htm

รีวิวน้ำหอม CHANEL – CHANCE EAU DE PARFUM

CHANEL – CHANCE EAU DE PARFUM
Perfumer : Jacques Polge
Released Year : 2002
.
น้ำหอมจากตระกูล CHANCE เปรียบเสมือนเป็นอีกด้านที่แตกต่างของน้ำหอม CHANEL เนื่องจากว่า น้ำหอมไลน์นี้ถูกปรุงแต่งขึ้นมาเพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มผู้ใช้ในช่วงวัยรุ่น เป็นหลัก เนื้อกลิ่นเข้าถึงง่ายและทันสมัยมากขึ้น โดยมาในขวดทรงทรงกลมแบน ฉีกกฎขวดสี่เหลี่ยมคลาสสิคที่ CHANEL เคยทำออกมา ถึงอย่างไรก็ดี น้ำหอมตระกูล CHANCE ยังคงเอกลักษณ์เดิมของ CHANEL คือความหรูหราและมีระดับในเนื้อกลิ่นที่ CHANEL ยังรักษาระดับได้ดีไม่มีตก รุ่นที่รีวิวนี้กำลังจะพูดถึงคือรุ่น EAU DE PARFUM นะ ออกปี 2002 พร้อมๆกับรุ่น EAU DE TOILETTE และ PARFUM
.
CHANEL CHANCE EDP เป็นน้ำหอมแนว Chypre – Floral ที่เปี่ยมไปด้วยความหรูหรา ฟู่ฟ่า มีระดับในตัวของมันเอง โน้ตที่ให้ความ Chypre แก่น้ำหอมนี้คือ Patchouli คมๆที่ทิ่มแทงจมูก กอปรกับ Citruses และ Pink Pepper เมื่อผสมผสานทั้ง 3 เข้าด้วยกันแล้ว กลิ่นที่ได้ออกทางสดชื่น เย็นซ่า สะอาดแบบติดหรู และถึงแม้ว่าน้ำหอมกลิ่นนี้จะเด่นด้วย Patchouli แต่เนื่องจากกลิ่น Citruses นานาชนิดที่ถูกใส่มาในปริมาณที่มาก จึงทำให้กลิ่นนี้ไม่ได้ใช้ยากแต่อย่างใด ออกทางสดชื่นและใช้ง่ายในอากาศร้อน
.
กลิ่นเปิดพบกับ Patchouli และ Citruses เป็นตัวเปิดนำ ซ้อนด้วยความเผ็ดนิดๆจาก Pink Pepper มาแบบสดชื่นสุดๆ เย็นซาบซ่า และสะอาดสะอ้าน ราวกับพึ่งอาบน้ำเสร็จหมาดๆ นุ่งผ้าขนหนูสีขาวเดินออกมาจากห้องน้ำ ตัวเปียกโชก กลิ่นสบู่ยังติดผิวกาย พร้อมโชยออกมาตั้งแต่ยามเปิดประตู อะไรทำนองนั้น จริงๆมันก็ไม่ได้ออก Soapy คล้ายสบู่อะไรมากมายหรอกนะ แต่มันเพียงแค่สะอาดเท่านั้น สาวๆที่รัก COCO MADEMOISELLE น่าจะต้องชอบตัวนี้ด้วย
.
ช่วงกลาง Patchouli และ Citruses ยังคงเป็นตัวเด่นเช่นเดิม ในช่วงนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก กลิ่นใสขึ้นหน่อย และออกแห้ง มีมะลิมาเติมความ Floral จางๆให้กับ Citruses เนื้อกลิ่นโดยรวมสำหรับช่วงนี้ดูโปร่งสบายดี สดชื่น แอบหนักจมูกนิดหน่อยแต่ยังใช้ง่าย เหมาะสำหรับใส่ทั้งยามกลางวัน กลางคืน ในห้องแอร์ หรือฤดูหนาวก็โอเคทั้งนั้น
.
กลิ่นในช่วงต้นและช่วงกลางจะไม่ต่างจากตัว EDT เท่าไหร่นัก แต่จะต่างกันในช่วงเบสโน้ตชัดเจนที่สุด รุ่น EDP จะอบอุ่นกว่าเนื่องจากมีกลิ่นวานิลาปะปนให้ได้สัมผัสอยู่บ้าง โดยปนไปกับ Patchouli ที่แห้งสาบ ซ่าและใส ความทนทานตั้งแต่ช่วงแรกจนถึงช่วงนี้เกิน 8 ชั่วโมงแต่ยังได้กลิ่นชัดบนข้อมือ กระจายได้โอเคมากๆ ฟุ้งรอบทิศ ฉีดใส่ข้อมือแค่ 1 สเปรย์ มีเพื่อนทักว่าได้กลิ่นด้วยล่ะ (ซึ่งเป็นอะไรที่ดี 55555)
.
จริงๆโดยส่วนตัวเบิร์ดคิดว่า CHANEL CHANCE ทั้งรุ่น EDP และ EDT ให้อารมณ์ละม้ายคล้ายคลึงกับ COCO MADEMOISELLE ราวกับพี่น้องที่ต่างวัยกัน ทั้งคู่มีโครงสร้างกลิ่นคล้ายๆกัน คือ ประกอบด้วย Patchouli และ Citrus หรูๆ หากแต่CHANCE หรูหราแบบเยาว์วัย สะอาดสะอ้าน และทันสมัย ส่วน COCO MADEMOISELLE จะให้ความหรูหราในเชิงคุณนาย แนวๆเศรษฐีนีวัย 30 กว่าที่ยังดูสาว สวย คลาสสิคนิดๆ ใครชอบ COCO MADEMOISELLE เป็นทุนเดิมก็อาจจะชอบ CHANCE ด้วยก็เป็นไปได้ เพราะกลิ่นก็ใกล้เคียงกัน ต่างที่ภาพลักษณ์ของวัยที่เท่านั้นเอง
.
CHANCE EDP เหมาะสำหรับหญิงสาววัยประมาณ 20 ปีขึ้นไป ใส่ได้ทุกโอกาสตั้งแต่งานสบายๆยันออกงานหรู เนื้อกลิ่นดูดี มีระดับ หากใช้เป็น Signature Scent ก็สวยไม่เบา เพราะนางแบบสาว presenter ประจำไลน์สกินแคร์ CHANEL - LE BLANC อย่าง Barbara Palvin เธอก็ใช้กลิ่นนี้เป็นกลิ่น Signature ของเธอเหมือนกัน โดยที่เธอก็อายุเพียงแค่ 20 ปี ดังนั้น วัยรุ่นใช้ได้แน่นอน หายห่วง
.
.
.
http://www.fragrantica.com/perfume/Chanel/Chance-610.html

รีวิวน้ำหอม CHANEL – ALLURE EDT

CHANEL – ALLURE EDT
Perfumer : Jacques Polge
Released Year : 1996
.
ALLURE เป็นน้ำหอมโทน Oriental – Floral ที่มีดอกไม้สีขาวจำพวกมะลิเป็นตัวเอก โดดเด่นเคียงคู่ไปกับวานิลาที่มอบความอบอุ่น นุ่มละมุน สร้างบุคลิกของผู้หญิงเซ็กซี่ ยั่วยวน และเฟมินีนแก่ผู้สวมใส่
.
ALLURE ยืนอยู่บนฐานของกลิ่นโทนวานิลาที่โอบล้อมดอกมะลิอยู่รอบทิศ กลิ่นนั้นหวานอบอวล เต็มแน่นไปด้วยความเฟมินีน หรูหรา เข้าทาง Oriental Floral ตามที่เขาแจ้ง สไตล์กลิ่นจะคล้ายๆกับ ARMANI code For Woman หากแต่ ALLURE ไม่หนักหน่วงเท่า แถมยังให้ความรู้สึกที่เบาสบายจมูกมากกว่า เนื่องจากได้ความสดชื่นจากมะนาวที่แอบแฝงซ่อนอยู่เนืองๆ กลิ่นจึงไม่ได้แน่นอึดอัดจนใช้ยากแม้ว่าจะเด่นในโทน Oriental ก็ตาม แต่สำหรับใครที่รับไม่ไหวกับกลิ่นวานิลา จริงๆเราว่าตัวนี้ก็ยังจัดว่าหนักเกินไปนะ เลี่ยงไว้ก่อนน่าจะดีกว่า เพื่อความปลอดภัย
.
น้ำหอมรุ่นนี้ไม่มีการแบ่งชั้นของน้ำหอมเป็น Top Notes – Middle Notes – Base Notes แต่จะนำเสนอกลิ่นออกมาในแนวราบ ซึ่งหมายความว่า โน้ตทุกตัวจะส่งกลิ่นออกมาพร้อมๆกัน ต่างที่ความเข้มชัดของโน้ตแต่ละตัวที่เขาเน้นเพราะต้องการให้โน้ตตัวนั้นๆ โดดเด่นเป็นพิเศษ แต่โดยส่วนตัวเราว่าในแต่ละช่วงให้กลิ่นที่ไม่เหมือนกันเป๊ะซะทีเดียว ดังนั้นขอรีวิวแบ่งแยกชั้นนะจ้ะ อิงตามความรู้สึกส่วนตัวน้า
.
ช่วง Top Notes หลังจากที่กลิ่นเปิดเซตตัวได้ เราพบกับดอกมะลิเป็นอย่างแรก มาแบบหวานนุ่ม รัญจวนใจ และอบอุ่นตั้งแต่หัววันเนื่องจากถูกคุมโทนด้วยวานิลาตั้งแต่ต้น ความเซ็กซี่จากวานิลามาแบบเต็มแม็กซ์ จัดเต็มจริงๆ โดยที่มีมะลิเข้ามาคอยช่วยปรับให้กลิ่นมีความอ่อนโยนมากขึ้น เจือกับกลิ่นมะนาวที่เข้ามาช่วยคลายตัวให้เนื้อกลิ่นเบาสบาย โปร่งใส ไม่หนักจมูกจนอึดอัด
.
สำหรับช่วงกลาง ความสดชื่นจากมะนาวจางลง เผยความหนักแน่นของเนื้อกลิ่นที่โดดเด่นด้วยดอกไม้สีขาวและวานิลาสไตล์ Oriental Floral เช่นเดียวกับกลิ่นในตอนต้น ทว่าเราจับกลิ่น Honeysuckle หรือดอกสายน้ำผึ้งได้ โดยแทรกขึ้นมาเคียงคู่มะลิ เติมเต็มโทน White Floral ให้สมบูรณ์แบบ และเสริมด้วย Magnolia, กุหลาบ May Rose นิดๆหน่อยๆ พอเป็นพิธี
.
ในห้วงสุดท้าย วานิลาเฉิดฉายเต็มที่ ให้ความรู้สึกเซ็กซี่แบบมีออร่า อบอุ่น นุ่มนวล ได้กลิ่นนี้ทีไรเราจะนึกถึง Keira Knightley (พรีเซนเตอร์ COCO MADEMOISELLE ตัวดังนั่นเอง ^^) ขึ้นมาทุกครั้งเลย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม 5555 กลิ่นหวานๆละมุนละไมของนางชวนให้นึกถึงสตรีวัยกลางคน หน้าตาสวย ผิวพรรณดี ซึ่งเจ้ากลิ่นนี้ก็เหมาะสำหรับผู้หญิงในช่วงวัยกลางคนจริงๆ วัยเริ่มทำงานกำลังเหมาะเหม็งเลย ใส่ทำงานได้ ใช้เป็น Signature Scent ก็โอเค เพราะโทน Oriental ใส่ยามเย็นหรือกลางคืนก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว และไม่แรงเกินกว่าจะใส่ยามกลางวันอีกด้วย
.
ALLURE รุ่นนี้ถือเป็นรุ่นต้นตำหรับ มาในเบสความเข้มข้น Eau de Toilette ความทนทานบนผิว ติวทนอย่างน่าประทับใจสำหรับน้ำหอมเบส EDT เนื่องจากกลิ่นแน่น การกระจายพอเหมาะ ส่งกลิ่นรอบตัวแบบไม่ได้หนักหน่วง ฟุ้งเฟ้อ หรือฉุนมากนัก ย้ำอีกครั้ง กลิ่นนี้มีวานิลาเป็นตัวเด่นแต่ยังไม่จัดว่าเข้าขั้นใช้ยากนะจ้ะ แต่ใครที่ไม่โปรดปรานกับกลิ่นวานิลาเราก็ขอแนะนำให้เลี่ยงตัวนี้ไปก่อน เพราะหากคุณใส่ปุ๊บ แน่นอนว่าคุณจะต้องรู้สึกอึดอัด เวียนหัว และอยากล้างออกอย่างแน่นอน ดังนั้น ALLURE จึงเหมาะกับผู้ที่รับได้กับกลิ่นโทน Oriental สาวๆที่ต้องการลุคเซ็กซี่ ชอบกลิ่นวานิลา ชอบกลิ่น White Floral ลอง ALLURE ดูได้ กลิ่นเขา Allure สมชื่อจริงๆ
.
.
.
http://www.fragrantica.com/perfume/Chanel/Allure-502.html

รีวิวน้ำหอม CHANEL – ALLURE EAU DE PARFUM


CHANEL – ALLURE EAU DE PARFUM
Perfumer : Jacques Polge
Released Year : 1999
.
ALLURE EDP ออกสู่ตลาดหลังจากที่ CHANEL ส่งรุ่น EDT ออกมาก่อนถึง 5 ปี flanker รุ่นนี้มีกลิ่นที่ใกล้เคียงกับรุ่นต้นแบบมากถึง 80% แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือความเข้มข้นของหัวน้ำหอมที่ถูกปรับขึ้นมาในเบส Eau de Parfum และเนื้อกลิ่นที่หนักแน่นขึ้น หากคุณชอบ ALLURE รุ่นดั้งเดิมของปี 1994 คุณก็อาจจะชอบ ALLURE EDP ด้วยก็เป็นไปได้ …
.
โน้ตตัวเด่นของ ALLURE EDP ยังคงเป็นวานิลาและมะลิเช่นดังเดิม ทว่าเขาปรับโทนวานิลาให้มีความหนักแน่นขึ้น และนำลูกพีชเข้ามาแทนที่โน้ตโทนซิตรัสที่มอบความสดชื่น เบาสบายจาก EDT ดังนั้นกลิ่นนี้จะใช้ยากกว่ารุ่นดั้งเดิมนิดหน่อยเนื่องจากไม่มีความสดชื่น เลย มีแต่ความหวานแน่นล้วนๆ เข้าทาง Oriental แบบเต็มตัว ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับการใส่ในยามเย็นหรือยามค่ำคืน ใส่กลางวัน ก็น่าจะพอไหว แต่ถ้าร้อนอบอ้าวจริงๆก็หนักเอาการทีเดียวล่ะ
.
ALLURE EDP ไม่มีการแบ่งชั้นของน้ำหอมเป็น Top Notes – Middle Notes – Base Notes แต่จะนำเสนอกลิ่นออกมาในแนวราบ ซึ่งหมายความว่า โน้ตทุกตัวจะส่งกลิ่นออกมาพร้อมๆกัน ต่างที่ความเข้มชัดของโน้ตแต่ละตัวที่เขาเน้น
.
กลิ่นโดยรวมไม่หนีห่างจาก ALLURE รุ่นเดิมเท่าไหร่นัก นำโดยวานิลาที่ถาโถมเข้ามาอย่างหนักหน่วงจัดเต็ม โดยมีมะลิเป็นโน้ตรอง คอยช่วยปรับกลิ่นในช่วงเปิดให้ออกทาง Floral ซึ่งมะลิก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากมาย เพราะจริงๆเขาต้องการโฟกัสตัวหลักไปที่วานิลามากกว่า แซมด้วยลูกพีชที่เข้ามาเพิ่มลูกเล่นน่ารักๆให้กับรุ่นนี้ หาก ALLURE รุ่นดั้งเดิมมีมะนาวเป็นตัวเพิ่มสีสัน ALLURE EDP ก็คงจะเป็นลูกพีชนี่ล่ะครับที่เพิ่มสีสันให้กับน้ำหอมกลิ่นนี้ มาแบบไม่ได้ Fruity ฉ่ำเวอร์จนดูร่าเริงเหมือนเด็กๆ เพราะมันถูกคุมโทนด้วยวานิลานั่นเอง
.
ความรู้สึกส่วนตัวคือ กลิ่นนี้วั้ลนิ้ล๊าาาา วนิลา ให้ความรู้สึกอบอุ่น เซ็กซี่ น่าคลุกคลีคลอเคลีย ซึ่งเนื้อกลิ่นของรุ่น EDP จะดูสูงวัยกว่า EDT พอสมควร ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ดูจริงจังกับชีวิตและหน้าที่การงาน จัดว่าเป็นน้ำหอมกลิ่นหนึ่งที่เข้าขั้นว่ากลิ่นแรง ติดทนนาน และกระจายดี จริงๆรุ่น EDT ก็ติดทนและกระจายตัวโอเคอยู่แล้ว ตัวนี้หัวน้ำหอมเพิ่มขึ้นระดับ Eau de Parfum ก็ไม่ต้องห่วงเลย ทนระดับ Extreme แน่นอน
.
.
.
http://www.fragrantica.com/…/…/Allure-eau-de-parfum-176.html

รีวิวน้ำหอม CHANEL – ALLURE SENSUELLE

CHANEL – ALLURE SENSUELLE
Perfumer : Jacques Polge
Released Year : 2005
.
ALLURE SENSUELLE เป็น flanker ที่ค่อนข้างฉีกแนวออกมาจากน้ำหอมต้นแบบมากพอสมควร เนื่องจากว่าในรุ่นนี้ Perfumer เขาหยิบ Patchouli ขึ้นมาเป็นตัวเด่นเคียงข้างวานิลาในรุ่นดั้งเดิม ผสมผสานกับกลิ่นโทน Spicy บางๆ เพื่อสื่อให้เห็นถึงภาพออร่าความ Sensual ที่หรูหรา เผ็ดร้อน เหมือนอย่างที่ปรากฏในชื่อ
.
วานิลาถือเป็นโน้ตตัวหลักของ ALLURE รุ่นก่อนๆ แต่สำหรับ ALLURE SENSUELLE เขาได้ปรับกลิ่นใหม่โดยลดบทบาทของวานิลาลง และนำ Patchouli เข้ามาเป็นตัวชูเคียงคู่กัน ดังนั้นกลิ่นของรุ่นนี้จึงแตกต่างจาก ALLURE รุ่นก่อนๆอย่างแน่นอน โดยยังคงจัดอยู่ในโทนกลิ่น Oriental Floral ที่ให้ความรู้สึกหนักแน่น อบอุ่น ตามแบบฉบับน้ำหอมโทนตะวันตก ผสมผสานกับกลิ่น Spicy เผ็ดร้อนจากเครื่องเทศนานาชนิด เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างผสมรวมกันแล้ว กลิ่นที่ได้จึงออกทางหรูหรา และเซ็กซี่แบบมีคลาส
.
กลิ่นเปิด พบกับ Patchouli ที่เข้มข้น จัดจ้าน สร้างอารมณ์ความเซ็กซี่เย้ายวนแบบจริงจัง กลิ่นคมซ่าเสียดจมูกของพิมเสนถูกปรับให้ใช้ง่ายและเบาสบายขึ้นด้วยโน้ตโทนสด ชื่นจากผลไม้ตระกูล Citrus เฉกเช่น ส้ม Mandarin Orange และมะกรูดที่ถูกคลุมอยู่ภายใต้ Patchouli ผสมผสานกับกลิ่นโทน Spicy บางๆจาก Pink Pepper ที่ช่วยเสริมออร่าความร้อนแรง เผ็ดดุให้กับอารมณ์เซ็กซี่ยั่วยวน ดมดูอยู่หลายครั้งจนพึ่งสังเกตได้ว่า โทนกลิ่นมีความคล้ายคลึงกับ CHANEL CHANCE ในบางมุม หากแต่ ALLURE SENSUELLE นั้นจะสื่อถึงอารมณ์เซ็กซี่ที่ดูจริงจังของสตรีช่วงวัยกลางคน มีความซับซ้อน ชวนค้นหา และเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ส่วน CHANEL CHANCE จะมาแนวสดชื่นสะอาดๆ หรูหรา เซ็กซี่แต่ยังเยาว์วัย
.
กลิ่นกลาง ความรู้สึกสดชื่นอ่อนๆของ Citrus ค่อยๆเงียบลงและจางหายไปในที่สุด มีกุหลาบหรูหรากับผลไม้อบแห้งก้าวเข้ามาแทนที่ ประสานตัวเข้ากับ Iris มอบความ Powdery บางๆให้กับน้ำหอม สมทบ Patchouli ตัวเด่นที่เริ่มแห้งลงแต่ยังจัดจ้านเหมือนเดิม ที่แห้งลงนี่ก็เป็นเพราะมันถูกปรับด้วยหญ้าแฝกนั่นเอง บนผิวเราจับกลิ่นผลไม้อบแห้งกับกุหลาบได้ชัดในช่วงนี้ มาแบบแป้งๆ powdery ชวนให้จินตนาการถึงภาพความเซ็กซี่ร้อนแรงของหญิงสาว ดังเช่น ภาพโฆษณาน้ำหอม Tom Ford - Black Orchid ภาพนี้ http://www.mimifroufrou.com/scentedsa…/…/blackOrchid_big.png
.
ปลายกลิ่นสัมผัสวานิลากับ Sandalwood ได้นิดหน่อย มาแบบอ่อนบาง เจือไปกับ Patchouli ที่แห้งสาบและออก Powdery แน่นๆ และแน่นอน ความ Spicy จากเครื่องเทศก็มาด้วยเช่นกัน
.
ALLURE SENSUELLE เป็นน้ำหอมที่กลิ่นติดทนมากๆกลิ่นหนึ่งจากที่เคยลอง ติดทนไม่แพ้ตัวต้นแบบเลยทีเดียว มาพร้อมกับกลิ่นแน่นๆเข้มๆที่กระจายได้อย่างเต็มที่ เหมาะกับใส่ยามค่ำคืนหรืออากาศเย็นๆเป็นที่สุด (แต่เอาจริงๆถ้าใครอยากจะใส่กลางวันก็น่าจะได้อยู่นะ) ผู้หญิงวัยซักประมาณ 25 ปีขึ้นไปกำลังเหมาะนะ
.
.
.
http://www.fragrantica.com/…/Chan…/Allure-Sensuelle-606.html

Review-Coco Noir Edp 100ml.





CHANEL – COCO NOIR
  
Top Notes : Grapefruit, Bergamot
Middle Notes : Jasmine, Rose, Narcissus, Gerenium
Base Notes : Tonka Bean, Patchouli, Sandalwood, Vanilla, Musk, Olibanum



หาก COCO MADEMOISELLE เป็นน้ำหอมด้านสว่าง COCO NOIR ก็คงจะเป็นน้ำหอมในด้านมืด ทั้งคู่สามารถโยงเข้าหากันได้โดยมี Patchouli กับ Citrus เป็นสื่อกลาง (หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ COCO NOIR เป็นเวอร์ชั่นกลางคืนของ COCO MADEMOISELLE ที่ถูกปรับกลิ่นให้มีความหนักแน่น นุ่มลึกขึ้นนั่นเอง) กลิ่นของ COCO NOIR นั้นจะค่อนข้างหม่นหมอง ดูลึกลับชวนค้นหาตามคอนเซปน้ำหอมสีดำ อย่างเช่นในชื่อและสีขวด
-
COCO NOIR เป็นน้ำหอมในกลุ่ม Chypre – Floral เช่นเดียวกับ COCO MADEMOISELLE ให้ภาพหญิงสาวที่สวยแบบลึกลับ เซ็กซี่ น่าลุ่มหลง น่าค้นหา เหมาะสมกับผู้ใหญ่วัยซักประมาณ 35 ปีขึ้นไปกำลังเหมาะ กลิ่นนี้จะเด่นที่ Patchouli (พิมเสน) ซึ่งให้กลิ่นที่ดูหรูหรามีระดับ พืชจำพวก Citrus ที่ให้กลิ่นสดชื่น และไม้จันทน์หอม Sandalwood ที่ให้กลิ่นนุ่มๆเชิง Woody
-
กลิ่นเปิดสดชื่นแรง หอมซ่าไปกับพิมเสนและซิตรัสอันประกอบด้วยเกรฟฟรุ๊ตกับมะกรูด คล้าย COCO MADEMOISELLE แต่นุ่มลึกกว่า มืดๆหม่นๆไม่สดใสซะทีเดียวตามสไตล์ของน้ำหอมกลางคืน ทว่ากลิ่น Citrus ก็แรงพอตัวจึงพอใช้ได้ในตอนกลางวันได้บ้าง (ถ้าไม่ฉีดหนักมือนะ)
-
กลางมีโน้ต Floral เป็นส่วนประกอบหลัก ได้กลิ่นกุหลาบกับมะลิจางๆซ้อนหลังให้กับพิมเสนที่เริ่มจะบาดจมูกทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ แนะนำให้ดมจาก Sillage ที่กระจายออกมาก็พอ เพราะถ้าหากดมติดจมูกกลิ่นจะแสบซ่า ไม่สวยนัก หลายคนบอกว่าช่วงกลางกลิ่นคล้ายกับ COCO EDP แต่สำหรับเบิร์ดคิดว่าไม่คล้ายเลย อันนี้แต่ละคนต้องลองกันเองแล้วล่ะ ;D
-
เบสโน้ต แทรกเข้ามาด้วยไม้หอม Sandalwood ลองพัดๆให้ sillage ลอยโชยเข้าจมูกจะสัมผัสกลิ่น Woody ได้ชัดกว่าดมติดผิว มาพร้อมกับพิมเสน patchouli ตัวเด่น กลิ่นที่ได้ออกหอมแมกไม้นวลๆหรูๆ ส่วนตัวเบิร์ดชอบกลิ่นช่วงเบสที่สุดละ มันดูหรูหราและมีระดับไม่ทิ้งห่างจาก COCO MADEMOISELLE ทว่า COCO NOIR จะพ่วงมาด้วยความเซ็กซี่ เย้ายวนใจ กลิ่นน่าคลุกวงในชวนงานเข้า ถ้าถามความเห็นส่วนตัวแล้วชอบกลิ่นไหนมากกว่า พูดเลยว่าชอบ COCO MADEMOISELLE มากกว่า แต่ว่าใช้จนเบื่อแล้ว ถ้าให้เลือกใหม่ ขอเลือก COCO NOIR ละกัน 555555
-
สำหรับเราละกลิ่นนี้ติดทนมาก (แต่ไม่เท่า COCO MADEMOISELLE) กระจายดี จัดว่าเป็นน้ำหอมที่ให้กลิ่นค่อนข้างแรงอยู่พอตัว สามารถใช้ได้ในงานทางการหรืองานกลางคืนที่ต้องการลุคดูดี มีภูมิฐาน แต่งตัวเซ็กซี่ ประมาณ ชุดลูกไม้สีดำผ่าหลัง รองเท้าส้นสูง Christian Louboutin สีดำพื้นแดง ทาลิปสติกสีแดงสด ฯลฯ ไม่แนะนำให้ใส่เจ้ากลิ่นนี้ในวันชิวๆหรือเดินเล่นเท่าไหร่เพราะกลิ่นจะหนักไป ใครรักใครชอบ COCO MADEMOISELLE อยู่แล้ว แต่รู้สึกไม่อยากใส่แล้วชนกับคนทั่วไป (เพราะกลิ่นนี้เกร่อ คนใช้เยอะมาก แต่ก็หอมจริงๆ) ลองดู COCO NOIR ก็โอเคดีนะ (นางราคาอลังกว่าทุกรุ่นด้วยล่ะ 55555)



น้ำหอมเทสเตอร์ คืออะไร?



ขอชี้แจงถึงน้ำหอมเทสเตอร์ครับเพื่อไว้เป็นความรู้กันนะครับ...

น้ำหอม ที่ขายในเมืองไทยบ้านเรา เวลาเราไปเคาน์เตอร์น้ำหอมเนี่ย ก็จะมีตัวอย่าง หรือเรียกว่าเทสเตอร์ วางอยู่บนเคาน์เตอร์ครับ ตัวขายเทสเตอร์ก็คือตัวนี้แหละ ที่ทางเจ้าของแบรนด์ เค้าตัดสต๊อก ออกมา เพื่อที่ใช้ไว้สำหรับเป็น เทสเตอร์สำหรับลูกค้า และจะไม่ได้บรรจุกล่องสวยงามเหมือนของขายที่เป็นกล่องซีล แต่จะเป็นแต่ขวดน้ำหอมเพียว ๆอยู่ในกล่องสีขาว สีน้ำตาล เราจะเรียกกล่องประเภทนี้ว่ากล่อง Demo และบางแบรนด์ ก็จะมีสกรีน หน้าขวดแตกต่างจากขวดที่ขายแพคเกจแต่ละยี่ห้อไม่เหมือนกัน
โดยส่วนมากแล้วจะพิมพ์คำว่า " Tester Not For Sale" และอาจจะมีฝาหรือไม่มีฝามาให้นั้นแล้วแต่บางแบรนด์บางรุ่นครับ
เช่น...
- Chanel เทสเตอร์ในรุ่นท๊อปๆเช่น No.5,Coco จะไม่มีฝานะครับ
ส่วนรุ่นรองลงมาจะมีฝาในบางรุ่นเช่น BLEU,Allure Homme ทุกรุ่นของชาแนลจะมาในกล่องสีขาวสะอาดตา พร้อมฉลากบาร์โคดระบุชื่อรุ่น หมายเลขรุ่นและโคด 6 หลักครับ ด้านในบางขวดจะสกรีนว่า " Tester Not For sale" บางรุ่นก็จะเป็นสติกเกอร์ใสๆครับ








- Dior เทสเตอร์ของดิออร์ เกือบทุกรุ่นจะมีฝาพร้อมกล่องสีขาวสะอาดครับ ขวดน้ำหอมเหมือนกับตัวขายปกติทุกประการ จุดสังเกตุด้านในขวดจะมีการสกรีนที่ขวดไว้ว่า "Tester not For sale" เช่นกัน ฉลากที่กล่องจะระบุชื่อรุ่นสวยงามพร้อมบาร์โคดครับผม





- Bvlgari, Ferragamo, Ferre พวกนี้มาจากโรงงานเดียวกัน กล่องน้ำตาลเหมือนกัน และไม่มีฝา แต่ก็มียกเว้นบางล๊อตนะคับ ผมเคยได้ Ferragamo แบบมีฝามาด้วย แต่ไม่บ่อยนะครับ
- Lanvin, Burberry, S.T.Dupont, Paul Smith พวกนี้ก็โรงงานเดียวกัน ประหลาดมากๆ บางทีรุ่นเดียวกัน ทำมาบางล๊อตไม่มีฝา บางล๊อตมีฝา บางรุ่นมีฝาตลอด บางรุ่นไม่มีฝาตลอด ไม่ตายตัวครับ
- Davidoff มีฝาทุกรุ่น ยกเว้น Cool Water[ญ]บ้าง ในบางล็อตครับ
- CK รุ่นหลังๆ ย้ายไปผลิตที่อเมริกาหมดแล้ว กล่องน้ำตาล ไม่มีฝาครับ รุ่นใหม่ๆจะมีกล่องสีขาวสะอาดพร้อมพลาสตกครอบฝาครับ
- Gucci นี่ก็แปลก รุ่น Envy ทั้งหลาย กับรุ่น Eau de Parfum ล็อตเก่าจะกล่องน้ำตาล(ไม่เคยมีฝา)ล๊อตใหม่จะกล่องขาว(มีฝาบ้าง ไม่มีบ้าง)
- Anna Sui ไม่มีฝาทุกรุ่น ยกเว้นรุ่นนกยูง Flight/Night of Fancy
- Britney Spears, Elizabeth Arden, Juicy Couture กล่องเทสเตอร์สีขาวส่วนใหญ่ไม่มีฝา มีบ้างที่มีฝาในรุ่น FantasyกับCircus ครับ
- J.Lo มีฝาทุกรุ่น ยกเว้นรุ่น My Glow
- Vera Wang ไม่เคยมีฝา
ส่วนเรื่องฝากับน้ำหอมนั้น ความสำคัญของฝาเป็นเรื่องรองลงมาครับ คือกล่าวได้ว่าหากไม่มีฝาแล้วคุณภาพจะลดลงหรือไม่นั้นผมขอบอกได้เลยครับว่า ไม่มีผลกระทบในการระเหยมากเท่าไหร่ครับแต่หากคุณเก็บรักษาให้ถูกวิธี คือใส่ขวดไว้ในกล่องที่บรรจุ ไม่วางนอน และเก็บไว้ในที่ไม่โดนแสงแดดจ้าหรือความร้อนสูง นั่นก็เท่ากับสามารถเก็ยรักษาน้ำหอมไว้ในสภาพคงเดิมได้มากที่สุดแล้วครับ

รีวิวน้ำหอม CHANEL – CHANEL N°5 EAU PREMIERE

แพคเกจใหม่ 2014

แพคเกจเก่า ขนาด 150 ml.

CHANEL – CHANEL N°5 EAU PREMIERE
-
Fragrance Notes
Top Notes : Neroli, Ylang-Ylang, Aldehyde
Middle Notes : Jasmine, Rose
Base Notes : Vetiver, Sandalwood, Vanilla
-
-
-
CHANEL N°5 EAU PREMIERE เปรียบเสมือนอีกด้านของ CHANEL N°5 ที่ถูกปรับให้มีความใสสว่าง ทันสมัยมากขึ้น โดยยังคงยืนพื้นด้วยกลิ่น Aldehyde (สารเคมีให้กลิ่นเก่าแก่โบราณ) และโน้ต Signature ของ N°5 ( กระดังงา, มะลิ, กุหลาบ และเนโรลี่) ทว่าถูกปรับให้ใช้ง่าย เหมาะกับยุคสมัยใหม่ แต่ไม่ละทิ้งกลิ่นอายคลาสสิค โดยส่วนตัวแล้วแอบปันใจให้กับ N°5 อยู่หลายรุ่นแต่ไม่มีกลิ่นไหนที่หลงรักเข้าเต็มๆเท่า EAU PREMIERE มาก่อน เพราะนอกจากจะหอมชนะใจแล้วยังหาโอกาสใช้ได้ง่ายกว่ามาก น้ำหอมกลิ่นนี้ได้เข้าไปอยู่ในลิส Top 3 น้ำหอมที่เราหลงรักงอมแงมและชอบมากที่สุดตั้งแต่เคยเทสน้ำหอมมาเลยล่ะ ^^
-
CHANEL N°5 EAU PREMIERE มาแนว Floral – Aldehyde ให้กลิ่น powdery หรูหรา สุภาพ ทว่าเซ็กซี่แบบผู้ใหญ่ เป็นกลิ่นที่ดมแล้วรู้สึกได้ถึง ความเลิศเลอ สง่างาม เจิดจรัสเปร่งประกาย หากให้อธิบายออกมาเป็นภาพ คงจะประมาณ ชุดราตรียาวเปิดไหล่สีดำ ผู้หญิงผมทองรวบผมเป็นระเบียบ ทาปากสีแดงแมต ถือกระเป๋า Clutch เดินย่างกรายอย่างสง่าบนพรมแดง นี่คือภาพที่ขึ้นมาในจินตนาการหลังจากที่ได้กลิ่นนี้มานับครั้งไม่ถ้วน
-
ทันทีที่สเปรย์ออกมาปุ้บ เราจะพบกับกลิ่นแป้ง powdery นวลๆ ซึ่งไม่หนีห่างจาก N°5 รุ่นแม่อย่าง EDP และ EDT เท่าไหร่ โทน Aldehyde มาเต็ม พร้อมกับ Ylang-Ylang (กระดังงา) ช่วงนี้จับกลิ่นโทน Citrus ได้ ทีแรกเข้าใจว่าเป็นกลิ่นมะกรูดแต่กลับไม่มีในชาร์ตซะงั้น ก็คงจะเป็นเนโรลี่อย่างแน่นอนเพราะให้กลิ่นโทนส้มๆเช่นเดียวกัน
-
กลิ่นกลางเริ่มหวานนุ่มขึ้น หอมนวลใสไปกับกุหลาบ มะลิ เจือกับ Aldehyde กลิ่นใสนุ่มแต่คมเฉียบ ดูหรูแบบผู้ดีสมัยใหม่ เรียกว่าไฮโซก็คงจะได้ ช่วงกลางถือเป็นช่วงไคลแม็กของ EAU PREMIERE เลยจริงๆ เพราะกลิ่นหอมสมดุล เพอร์เฟคทุกอณู
-
ไฮไลท์อยู่ที่ช่วงเบส ที่มีการเพิ่มลูกเล่นด้วยการเติมวานิลาเข้าไปในห้วงท้ายสุด วานิลาอบอุ่นหวานๆนุ่มๆโชยขึ้นมาพร้อมกับไม้จันทน์หอม จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ Aldehyde มะลิ กุหลาบ ถูกเจือด้วยความหวาน Woody?? กลิ่นที่ได้คงหนีไม่พ้นกลิ่นอายคลาสสิคที่เซ็กซี่ แต่แฝงไปด้วยความสุภาพ อ่อนโยน ไม่ได้เซ็กซี่หวือหวาน่าเกลียดจนเกินงาม สามารถใช้ในโอกาสที่เป็นทางการได้อีกด้วย วันไหนอยากสวยเป็นพิเศษหรือต้องการลุคที่ดูดี มีภูมิฐานที่สูงสง่าขึ้น N°5 EAU PREMIERE ช่วยคุณได้
-
สำหรับเรา กลิ่นนี้เข้ากับผิวได้ดีทีเดียว ในขณะที่ EDP กับ EDT ต้อง say goodbye ไปกับความแห้งสาบที่นางไม่ถูกกับเคมีในผิว TT^TT อันนี้แต่ละคนต้องลองด้วยตัวเอง จริงๆ

จบรีวิวเท่านี้นะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจ้า

http://www.fragrantica.com/perfume/Chanel/Chanel-N-5-Eau-Premiere-1360.html

Review-น้ำหอม Chanel Bleu De Chanel

น้ำหอมผู้ชาย Chanel Bleu De Chanel [EDT] 
น้ำหอมแบ่งขาย Bleu de Chanel


Year : 2010
Perfumer : Jacques Polge
 

BLEU DE CHANEL คุณสมบัติ ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ด้วยส่วนผสมของเปลือกไม้ Cedar ผสมผสานกับกลิ่นของ Vetiver, Frankincese และ Moss ได้อย่างลงตัว มอบความรู้สึกอบอุ่น สดชื่น มีเสน่ห์ด้วยกลิ่นแรก Citrus Fruits ให้ความรู้สึกสดใส เหมือนท้องฟ้าสีครามและท้องทะเล สายลมอ่อนๆ พัดโชยมาพร้อมกับกลิ่นของ Grapefruit, Peppermint, Pink Pepper, Nutmeg และกลิ่นของ Ginger ที่จะช่วยเพิ่มกลิ่นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้กลิ่น ขวดน้ำหอมถูกออกแบบมาเป็นพิเศษด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงาม เท่ เก๋ มีสไตล์ ด้วยขวดแก้วทรงสี่เหลี่ยมสีเทาแบบหินฉนวน ที่จะเปล่งประกายราวแสงอาทิตย์อ่อนๆ สะท้อนเป็นสีฟ้าหม่นในน้ำราวกับโคมวิเศษที่สะท้อนให้เห็นภาพของเรา และประหลาดใจกับเสียงคลิ๊กเมื่อเปิดฝาขวด ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและลงตัว และที่สุดพิเศษยิ่งไปกว่านั้นก็คือ คือ ได้รับเกียรติจาก Martin Scorsese ผู้สร้างภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัล Academy Award มาช่วยกำกับภาพยนตร์โฆษณาของผลิตภัณฑ์น้ำหอม ร่วมกับพระเอกดาวรุ่งชาวฝรั่งเศส Gaspard Ulliel ในภาพยนตร์โฆษณา AT CHANEL, EVERYTHING IS FOUNDED ON FREEDOM การถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาตัวนี้เป็นการถ่ายทำโดยใช้กล้องฟิลม์ ถึงแม้ต้องใช้งบประมาณที่สูงมาก แต่ CHANEL ก็พร้อมที่จะคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อภาพที่ได้นั้นดูสมจริง สวยงาม และด้วยความเป็นมืออาชีพของผู้กำกับ และพระเอกชื่อดัง ที่มีหน้าตาคมเข้ม ความสง่างาม จึงช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับ CHANLE ได้อย่างลงตัวที่สุด เมื่อ ชาแนล นำเรื่องราวของน้ำหอมสำหรับผู้ชาย กลิ่นใหม่ที่เกิดจากส่วนผสมหลักของ Cedar ที่ผสมผสานรวมกับกลิ่นของ Vetiver, Frankincense และ Moss จนกลายเป็นตัวเอกในหมู่น้ำหอมด้วยกลิ่นที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว และพร้อมที่จะออกมาสู่โลกใบนี้ นอกจากนี้ยังมี Citrus Fruits เป็นกลิ่นแรกที่ลอยมาอย่างโดดเด่น ส้มและมะนาวส่งกลิ่นหอมสดใสเหมือนท้องฟ้าสีครามและท้องทะเลใน Calabria หรือ Sicily สายลมอ่อนๆ พัดโชยมาพร้อมกับกลิ่นของ Grapefruit และ Peppermint, Pink Pepper และ Nutmeg กลิ่นของ Ginger ที่กับ Grapefruit ช่วยเพิ่มกลิ่นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ตั้งแต่แรกที่ได้กลิ่นก็แน่ใจว่าน้ำหอมกลิ่นนี้จะพาคุณไปยังที่ที่คุณแทบจะ คาดไม่ถึง เพียงไม่นานหลังจากนั้น กลิ่นหอมนี้จะให้ความรู้สึกที่ไม่จำเจหนีออกจากข้อจำกัดเดิมๆ และมอบความหอมที่แสดงถึงความกล้าหาญและมีความร่วมสมัยมากขึ้น น้ำหอมที่ผสมผสานทั้งจิตวิญญาณ ความตรงไปตรงมา และความห้าวหาญที่สอดประสานกันอย่างกลมกลืนและติดทนนานไม่เสื่อมคลาย
               
อีก ทั้งในน้ำหอมนี้ยังมีสูตรผสมจากกลิ่นของเปลือกไม้ Cedar เป็นหัวใจสำคัญที่มอบความงามสง่าและความรู้สึกที่อบอุ่น นอกจากนี้ ยังเจือด้วยกลิ่นอันละเอียดอ่อนและอ่อนโยนของ Jasmine จึงเหมาะกับทุกเพศ สิ่งที่แตกต่างจากที่เคยมีมาก่อนก็คือกลิ่นอันมีเสน่ห์ของ Cedar ที่ผสมผสานกับ Vetiver ได้อย่างเหมาะสม ด้วย Patchouli และ Frankincense เพียงเล็กน้อยก็สามารถนำเราไปสู่จุดหมายปลายทาง อันเป็นสถานที่ซึ่งผืนดินและต้นไม้ถูกแผดเผาด้วยแสงอาทิตย์ขณะอาบแดดอยู่ภาย ใต้ท้องฟ้าอันสดใสในฤดูร้อน น้ำหอมที่โดดเด่นด้วยกลิ่นของเปลือกไม้นี้สะท้อนถึงธรรมชาติได้เช่นเดียว กับที่สามารถตีความหมายของความเป็นบุรุษที่มีความเป็นอิสระ เราสามารถไว้วางใจใน Jacques Polge ผู้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ โดยเพิกเฉยต่อรายละเอียดต้นแบบเดิมๆ

BLEU de CHANEL แฝงไว้ซึ่งความหมายในปัจจุบันที่ซ่อนเร้นการผจญภัย ภาษาอาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา แต่จิตวิญญาณยังคงเดิม น้ำหอมที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นและคาดไม่ถึงนี้เป็นน้ำหอมใหม่ล่าสุดสำหรับ ผู้ชายของ Chanel ในขวดน้ำหอมได้รับการออกแบบตามมาตรฐานสูงสุด ของ CHANEL

 

Bleu de Chanel by Chanel is a woody aromatic fragrance for men which will hit the shelves in 2010. The nose behind this fragrance is Jacques Polge. The fragrance features labdanum, nutmeg, ginger, sandalwood, patchouli, mint, jasmine, grapefruit, citruses, vetiver, incense, cedar and pink pepper.
After shave lotion with innovative splash formula is also on the market.

Fragrance Notes

Labdanum Nutmeg Ginger Sandalwood Patchouli Mint Jasmine Grapefruit Lemon Vetiver Incense Cedar Pink Pepper

Main Notes According to Your Votes

Grapefruit429
Incense331
Ginger327
Lemon318
Vetiver187
Mint164
Nutmeg144
Cedar136
Pink Pepper110
Sandalwood105
Labdanum89
Patchouli83
Jasmine

B&C Perfumes Academy